เกษตรดันสหกรณ์ผลไม้ ชงครม.กู้ธกส.4.5พันล้าน เสริมสภาพคล่อง แก้ราคาตกต่ำ
กรมส่งเสริมสหกรณ์ จัดหาเงินทุนหนุนธุรกิจรวบรวมผลไม้สหกรณ์ คาดเอ็มโอยูอาลีบาบาเดินเครื่องเต็มที่ปี 2562
กรมส่งเสริมสหกรณ์ จัดหาเงินทุนหนุนธุรกิจรวบรวมผลไม้สหกรณ์ คาดเอ็มโอยูอาลีบาบาเดินเครื่องเต็มที่ปี 2562
นายพิเชษฐ์ วิริยะพาหะ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ เปิดเผยว่า เตรียมเสนอการประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรที่จ.บุรีรัมย์ วันที่ 8 พ.ค. ขอสนับสนุนเงินกู้จากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) วงเงิน 4,500 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยต่ำ เพื่อให้สหกรณ์ กลุ่มเกษตรกร และวิสาหกิจชุมชนไม่น้อยกว่า 100 แห่ง มีทุนหมุนเวียนไปรวบรวม ผลไม้จากสมาชิกและเกษตรกรทั่วไปในช่วงต้นฤดูเก็บเกี่ยวและระบายออกนอกแหล่งผลิตมีเป้าหมายรวบรวมปีละ 4 หมื่นตัน เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาราคาตกต่ำ
ทั้งนี้ บริษัท อาลีบาบา กรุ๊ป จะส่งตัวแทนเข้ามาดูสวนของเกษตรกร จุดรวบรวม และกระบวนการคัดคุณภาพทุเรียนของสหกรณ์ ใน จ.จันทบุรี ระยอง ตราด ประมาณกลางเดือน พ.ค.นี้ และปริมาณผลผลิตในแต่ละปีว่าสามารถรวบรวมและส่งขายให้ได้เท่าไร หลัง จากนั้นจะทำข้อตกลงธุรกิจซื้อขายผลไม้ ร่วมกัน และคาดหวังว่าในอนาคตสหกรณ์จะมีศักยภาพในการส่งออกสินค้าการ เกษตรที่สำคัญ ได้แก่ ข้าว ผลไม้ และยางพารา
นอกจากนี้ ได้ร่วมกับกระทรวงพาณิชย์และสหกรณ์การเกษตร 8 แห่ง ผลิตข้าว กข. 43 ซึ่งเป็นข้าวดัชนีน้ำตาลต่ำและกรมการข้าวได้รับรองพันธุ์เพื่อป้อนตลาดในห้างโมเดิร์นเทรด โดยจะมีการลงนามในบันทึกข้อตกลงรวมกันขายข้าวล็อตแรกกับห้างโมเดิร์นเทรด 4 แห่ง ได้แก่ บิ๊กซี เดอะมอลล์ เทสโก้ โลตัส และท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ต โดยภายในปี 2561 มีเป้าหมายส่งเสริมการปลูก 3 แสนไร่
ด้าน นายเยี่ยม ถาวโรฤทธิ์ รักษาการผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) กล่าววา ได้เชิญตัวแทนเกษตรกรชาวสวนยางทั่วประเทศประมาณ 100 คน จาก 50 องค์กร ประชุมรับฟังความเห็นจากแกนนำเครือข่ายเกษตรกรและสถาบันเกษตรกรสวนยางทั่วประเทศ ถึงแนวทางการพัฒนายางพาราของไทย ซึ่งที่ประชุมเห็นตรงกันว่าควรเดินหน้าตั้งบริษัทร่วมทุนระหว่างการยางฯ กับสถาบันเกษตรกร เพื่อทำธุรกิจซื้อขาย แปรรูป และเพื่อการส่งออก โดยเป็นการร่วมทุน 3 ด้าน คือ กทย. สหกรณ์ หรือสถาบันเกษตรกร ผู้แปรรูปยางและเอกชนที่ทำธุรกิจยางพารา
ทั้งนี้ ยืนยันว่าปริมาณยางพาราในโลกไม่ล้นตลาด เพราะสต๊อกยางมี 2 ล้านตัน ถือว่าปกติไม่ได้เป็นสาเหตุทำให้ราคายางตก โดยทั่วโลกมีความต้องการใช้ยางปีละ 13 ล้านตัน ในขณะที่ไทยผลิตได้ 4 ล้านตัน/ปี ส่งออกประมาณ 90% เป็นการส่งออกไปจีน 2 ล้านตัน/ปี ดังนั้นชาวสวนยางต้องจับมือกันเดินหน้าตั้งบริษัทเพื่อร่วมมือกันยกระดับการผลิตแก้ปัญหาราคาตกต่ำ เพราะสาเหตุสำคัญคือไทยไม่สามารถกำหนดราคายางในตลาดโลกได้ เนื่องจากขายแต่วัตถุดิบและให้เอกชนไปปั่นราคาในตลาดซื้อขายล่วงหน้า จนมากดราคารับซื้อในประเทศและไปกินส่วนต่างราคา 15-20 บาท/กิโลกรัม