เงินสะพัดฐานราก5หมื่นล้าน
เกษตรประชารัฐดันเงินหมุนเวียนเศรษฐกิจฐานราก 5.4 หมื่นล้าน หลังใช้งบ 1.97 หมื่นล้าน สร้างงานชุมชน
เกษตรประชารัฐดันเงินหมุนเวียนเศรษฐกิจฐานราก 5.4 หมื่นล้าน หลังใช้งบ 1.97 หมื่นล้าน สร้างงานชุมชน
นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ ที่ปรึกษา รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้รับทราบความคืบหน้าการดำเนินโครงการเกษตรประชารัฐ (โครงการ 9101 ตามรอยเท้าพ่อภายใต้ร่มพระบารมี เพื่อการพัฒนาการเกษตรอย่างยั่งยืนเดิม) ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รายงานว่ามีการดำเนินโครงการใน 9,101 ชุมชน ศูนย์การเรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร 882 แห่ง และเครือข่าย 8,219 แห่ง มีเกษตรกรเข้าร่วมโครงการ 1.56 ล้านราย
ทั้งนี้ ส่งผลให้เกิดโครงการของชุมชน 2.41 หมื่นโครงการ สร้างรายได้ให้เกษตรกรที่เข้าร่วมเป็นแรงงาน 2.25 ล้านราย เฉลี่ยรายละ 4,400 บาท และพบว่า 80.78% ของโครงการในชุมชนสามารถสร้างรายได้หรือผลประโยชน์กลับมาให้โครงการ 195,200 บาท/โครงการ หรือ 21.76% ของงบสนับสนุนเฉลี่ย 897,130 บาท/โครงการ
"โครงการนี้ได้ส่งผลให้เกิดกระแสเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจฐานราก 5.4 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 2.73 เท่า จากงบประมาณที่ชุมชนเบิกจ่าย 1.97 หมื่นล้านบาท" นายณัฐพร กล่าว
พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุม ครม.ได้รับทราบแนวทางแก้ไขปัญหาอุปสรรคการใช้ยางพาราในโครงการของรัฐงบประมาณ 2561 โดยกรมบัญชีกลางสรุปว่าให้หน่วยงานรัฐสามารถระบุในทีโออาร์การจัดซื้อจัดจ้าง ให้สามารถซื้อยางพาราจากการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) หรือซื้อจากองค์กรเกษตรกรที่จะซื้อยางใหม่จากเกษตรกรได้เช่นกัน ไม่ถือว่าเป็นการล็อกสเปกแต่อย่างใด
"ทาง รมว.มหาดไทย รับทราบใน ที่ประชุม ครม.และรับไปดำเนินการ เนื่องจากพบว่าที่ผ่านมาเป้าหมายการซื้อยางหลักหมื่นตันต่อเดือน แต่สามารถซื้อได้เพียงหลักพันตันต่อเดือนเท่านั้น ไม่เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล ซึ่งมีเป้าหมายซื้อประมาณ 2 แสนตันภายใน ก.ย. 2561" พล.ท.สรรเสริญ กล่าว
สำหรับเป้าหมายการใช้ยางของหน่วยงานรัฐ 20 หน่วยงาน ซึ่งที่ผ่านมาพบว่ากรมอื่นๆ ได้มีการซื้อยางตามที่กรมบัญชีกลางได้มีการทำหนังสือเวียนออกไป แต่ส่วนขององค์กรปกครองส่วน ท้องถิ่น (อปท.) ซื้อน้อย ทำให้เป้าหมายการซื้อยางไม่เป็นไปตามคาด