posttoday

เลิกโรงไฟฟ้าถ่านหินภาคใต้

23 กุมภาพันธ์ 2561

"ศิริ" ลั่นไม่จำเป็นต้องสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินภาคใต้ใน 5 ปี ยันมีแผนเสริมกำลังไฟฟ้า เร่งเดินหน้าศึกษาหาพื้นที่อื่นต่อ

"ศิริ" ลั่นไม่จำเป็นต้องสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินภาคใต้ใน 5 ปี ยันมีแผนเสริมกำลังไฟฟ้า เร่งเดินหน้าศึกษาหาพื้นที่อื่นต่อ

นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รมว.พลังงาน เปิดเผยว่า ในช่วงเวลา 5 ปีหลังจากนี้ยังไม่มีความจำเป็นต้องก่อสร้างโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ โดยเฉพาะจากเชื้อเพลิงถ่านหินในพื้นที่ภาคใต้ เนื่องจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) สามารถพัฒนาสายส่งไฟฟ้าจากภาคกลาง 500 กิโลวัตต์/ชั่วโมง 2 เส้น เชื่อมที่ จ.ชุมพร และส่งต่อไปยังสุราษฎร์ธานี

อย่างไรก็ตาม จะต้องไปศึกษาวิเคราะห์หาพื้นที่อื่นๆ ในการตั้งโรงไฟฟ้าถ่านหินควบคู่กับพื้นที่ จ.กระบี่ และ อ.เทพา จ.สงขลา ให้เหมาะสมที่สุด และไม่ให้เกิดความขัดแย้งของสังคม ขณะเดียวกันมีแผนจะพัฒนาไฟฟ้านอกเหนือจากการเพิ่มกำลังไฟฟ้าที่ส่งมาจากภาคกลางด้วยการพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้า ของโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ในภาคใต้ เช่น โรงไฟฟ้าขนอม และโรงไฟฟ้าจะนะ

ทั้งนี้ ยังมีแผนเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าจากชีวมวลในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภายใต้ 300 เมกะวัตต์ แม้เป็นเรื่องยากเพราะต้องใช้เชื้อเพลิงมาก แต่ก็ไม่ได้ปิดกั้นที่จะชักชวนผู้เข้ามาดำเนินการ

นายศิริ กล่าวอีกว่า แม้ปัจจุบันจะมีความจำเป็นที่ไทยจะต้องปรับสัดส่วนการใช้ก๊าซธรรมชาติเพื่อการผลิตไฟฟ้าให้ลดลง และเพิ่มสัดส่วนการใช้ถ่านหินจากปัจจุบันที่มีสัดส่วนอยู่ 20% เพื่อลดต้นทุนการผลิตไฟฟ้าเนื่องจากหลายประเทศ เช่น มาเลเซีย อินโดนีเซีย ก็มีสัดส่วนอยู่ 30-40% ขึ้นไป ซึ่งถ้าไทยทำได้ก็เป็นประโยชน์

"การตั้งโรงไฟฟ้าถ่านหินขนาดใหญ่ต้องศึกษาอย่างถี่ถ้วน ต้องฟังคนในท้องถิ่น คำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ระบบนิเวศและผลกระทบด้านอื่น โดยเฉพาะ ต่อการท่องเที่ยว ทุกคนไม่อยากเห็นภาพที่มีรีสอร์ทริมทะเลแล้วจะมีโรงไฟฟ้าถ่านหินอยู่ใกล้ หรือเกิดผลกระทบต่อประมง ท้องถิ่น จึงควรศึกษาว่ามีพื้นที่ใดเหมาะจะตั้งโรงไฟฟ้าถ่านหินได้" นายศิริ กล่าว

สำหรับการลงทุนระบบสายส่ง ขณะนี้มีในแผน กฟผ.อยู่แล้ว และในอนาคตยังจะมีการลงทุนระบบสายส่งที่ส่งกำลังไฟฟ้าจากภาคกลางไปสนับสนุนภาคใต้ขนาด 500 Kv จำนวน 2 คู่ กำหนด การแล้วเสร็จคู่แรกในปี 2562 และคู่ที่ 2 ปี 2564 แต่ยังล่าช้า เนื่องจากบางจุดผ่านป่าสงวน อุทยานแห่งชาติฯ รวมถึงป่าเศรษฐกิจ ซึ่งต้องใช้เวลาในการอนุมัติจากหน่วยงานต่างๆ