อัดงบ5.5พันล้านกระตุ้นศก.

ครม.ไฟเขียวงบบิ๊ก ร็อกรอบ 5,547 ล้าน ดัน 19 โครงการ เสริมความเข้มแข็งเศรษฐกิจ

นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์  ที่ปรึกษา รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 20 ก.พ. 2561  ได้อนุมัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ  2560 งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายส่งเสริม และสร้างความเข้มแข็งเศรษฐกิจภายในประเทศ ในโครงการพัฒนาพิเศษขนาดใหญ่ (บิ๊กร็อก) ครั้งที่ 4 วงเงินรวม 5,547.34  ล้านบาท เพื่อให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ ลงทุนรวม 19 โครงการ

อย่างไรก็ตาม การอนุมัติงบครั้งนี้เนื่องมาจากในปีงบประมาณ 2560  ครม.ได้จัดงบกลางเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายส่งเสริมและสร้างความเข้มแข็งเศรษฐกิจภายในประเทศ 19,942 ล้านบาท  ซึ่ง ครม.ได้อนุมัติให้มีการใช้จ่ายไปแล้ว 3 ครั้ง รวมวงเงิน 14,607.32 ล้านบาท ทำให้เหลือวงเงิน 6,352.65 ล้านบาท

สำหรับ 19 โครงการ ประกอบด้วย โครงการของกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ  14 โครงการ  วงเงิน 3,292.38 ล้านบาท  เช่น โครงการธนาคารทรัพยากรชีวภาพแห่งชาติเพื่ออนุรักษ์ วิจัยและใช้ประโยชน์  วงเงิน 360 ล้านบาท  โครงการขยายผลงานวิจัยเพื่อการพัฒนาอุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์ วงเงิน 547.38 ล้านบาท โครงการยกระดับโอท็อปใน 10 จังหวัดที่ยากจนที่สุดในประเทศ วงเงิน 439.99 ล้านบาท  โครงการมหกรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติประจำปี 2561 ระดับภูมิภาค วงเงิน 292.63 ล้านบาท เป็นต้น

ด้านในส่วนของกระทรวงดิจิทัลฯ ประกอบด้วย 5 โครงการ วงเงินรวม 2,254.96 ล้านบาท ได้แก่ โครงการพัฒนาเมืองอัจฉริยะในพื้นที่ระเบียงเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) วงเงิน 788.73 ล้านบาท โครงการพัฒนาสภาพแวดล้อมและส่งเสริมการเติบโตของดิจิทัลสตาร์ทอัพ วงเงิน 414.15 ล้านบาท  โครงการโค้ดดิ้ง เนชั่นที่จะพัฒนากำลังคนด้านดิจิทัลวงเงิน 236.49 ล้านบาท

ทั้งนี้โครงการขยายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตวงเงิน  598.27 ล้านบาท  เพื่อขยายโครงข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงและปรับปรุงโครงข่ายเก่าให้มีประสิทธิภาพไปยังโรงเรียนที่ยังไม่มีโครงข่ายไม่น้อยกว่า 3,196 แห่ง  และขยายไปยัง โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลและสุขศาลาพระราชทานที่ยังไม่มีโครงข่ายไฟเบอร์ออปติกไม่น้อยกว่า 812 แห่ง และขยายความจุอินเทอร์เน็ตให้กับ โรงพยาบาลตามที่กระทรวงสาธารณสุขพิจารณาคัดเลือก 20 แห่ง

นอกจากนี้ ครม.อนุมัติปรับแผนงานการใช้งบประมาณโครงการขับเคลื่อนการยกระดับการบริการภาครัฐที่จะขอใช้เงินกู้เพื่อปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจ (SAL) ซึ่งเป็นเงินกู้ จากธนาคารโลกตั้งแต่สมัยวิกฤตเศรษฐกิจปี 2540 เหลืออยู่ 1,100 ล้านบาท โดยจะนำไปสนับสนุนแผนการยกระดับการบริการภาครัฐ ระยะที่ 2  เช่น การพัฒนาระบบติดตามการให้บริการ และการพัฒนาระบบการจองคิวกลาง