posttoday

เกษตรออกโรงไล่บี้หาคนผิดสังเวยกล้ายาง

17 กุมภาพันธ์ 2561

"กฤษฎา" ร่อนหนังสือย้ำหน่วยงานในสังกัด ยกคดีค่าโง่กล้ายางเตือนใจ อย่าให้มีซ้ำ จ่อเอาผิดข้าราชการเกี่ยวข้อง

"กฤษฎา" ร่อนหนังสือย้ำหน่วยงานในสังกัด ยกคดีค่าโง่กล้ายางเตือนใจ อย่าให้มีซ้ำ จ่อเอาผิดข้าราชการเกี่ยวข้อง

นายกฤษฎา บุญราช รมว.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ได้ส่งหนังสือไปยังหน่วยราชการกระทรวงเกษตรฯ ให้นำคดีค่าโง่กล้ายางเป็นตัวอย่าง เพื่อไม่ให้เกิดซ้ำอีกโดยขอให้ช่วยกันทำงานอย่างแข็งขันเพื่อความเป็นหนึ่งของกระทรวงเกษตรฯ และจะทำให้งานของกระทรวงสำเร็จ ซึ่งกรณีคดีกล้ายาง หลังจากนี้ต้องมีการสอบข้อเท็จจริงของกรมเพื่อจะได้นำมาฟ้องร้องค่าเสียหายทางละเมิดจากข้าราชการที่กระทำผิด ซึ่งหลายเรื่องพบว่าต้องมาสะสางเช่นหนี้สินนาเกลือ 400 ล้านบาท

นายสุวิทย์ ชัยเกียรติยศ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวว่า กรมเตรียมชำระเงินให้กับบริษัท  เจริญโภคภัณฑ์เมล็ดพันธุ์ ตามคำสั่งศาลฎีกาที่ได้มีคำพิพากษาให้ กรมวิชาการเกษตรชำระเงิน แก่บริษัท โจทก์ และธนาคารทหารไทยโจทก์ร่วม เป็น 2 ส่วนดังนี้ 1.ชำระเงินให้แก่บริษัทเจริญโภคภัณฑ์เมล็ดพันธุ์ เป็นค่าเสียหายของการผลิตต้นกล้ายางเป็นเงิน 127.8 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย 7.5% ต่อปี จนกว่าจะชำระเสร็จ

2.ชำระค่าต้นกล้ายางชำถุงบางส่วนของงวดที่ 11 ที่ได้รับมอบไว้ให้ธนาคารทหารไทย ในฐานะผู้รับโอนสิทธิเรียกร้อง เป็นเงิน 83.8 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย 7.5% ต่อปีนับแต่วันที่ 31 ส.ค. 2550 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ ดอกเบี้ยถึงวันฟ้องสำนวนแรกไม่เกิน 6.8 ล้านบาท โดยรวมแล้วประมาณ 365 ล้านบาท

ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเมื่อ วันที่ 26 พ.ค. 2546 อนุมัติให้กระทรวงเกษตรฯ ดำเนินการโครงการปลูกยางระยะ ที่ 1 (ปี 2547-2549) พื้นที่ 36 จังหวัดจำนวน 1  ล้านไร่ โดยใช้เงินจากโครงการช่วยเหลือเกษตรกร (คชก.) จำนวน 1,440 ล้านบาท ทางกรมวิชาการเกษตรได้ประกวดราคาจ้างเหมาผลิตต้นกล้ายางชำถุง ปรากฏว่า บริษัทเจริญโภคภัณฑ์เมล็ดพันธุ์  เป็นผู้เสนอราคาต่ำสุดเป็นเงิน 1,397.7 ล้านบาท จึงได้ทำสัญญาจ้างผลิตต้นกล้ายางชำถุง แต่มีการส่งมอบกล้ายางไม่ครบโดยบริษัทขอเลื่อนการส่งมอบต้นกล้ายางชำถุง แต่ทางภาครัฐไม่ได้ขยายระยะเวลาการส่งมอบจนนำไปสู่การบอกเลิกสัญญาเป็นเหตุให้บริษัทฟ้องเรียกค่าเสียหาย