posttoday

“สมคิด” นำทีมโรดโชว์ดึงนักธุรกิจทั่วเกาะคิวชูลงทุนไทย

09 กุมภาพันธ์ 2561

รองนายกฯ สมคิด นำคณะ โรดโชว์ดึงนักธุรกิจทั่วเกาะคิวชูลงทุนไทย

รองนายกฯ สมคิด นำคณะ โรดโชว์ดึงนักธุรกิจทั่วเกาะคิวชูลงทุนไทย 

วันที่ 9 ก.พ. 2561 สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ) จัดงานสัมมนาเรื่อง Opportunity Thailand, Be A Part of It   เพื่อให้ข้อมูลการส่งเสริมการลงทุนในประเทศไทยของหน่วยงานกต่างๆ ในโอกาสที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะเดินทางเยือนนครฟูกุโอกะ ประเทศญี่ปุ่น  ตามคำเชิญของผู้ว่าการจังหวัดฟูกุโอกะ ระหว่างวันที่ 8-10  ก.พ. 2561 โดยในงานสัมมนาได้รับความสนใจจากนักธุรกิจทั่วเกาะคิวชู  800 กว่าคน เกินกว่าที่บีโอไอคาดการณ์ไว้เดิมที่ 500 คน  

 นายสมคิด กล่าวระหว่างการปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ Thailand as a Key Driver of Regional Economic Growth ว่าใน3-4ปีที่ผ่านมานี้มีความเปลี่ยนแปลงค่อนข้างมากในประเทศไทย เป็นความเปลี่ยนแปลงในทิศทางที่ดีขึ้นพร้อมรับโอกาสที่ความเจริญเติบโตของโลกกำลังมุ่งสู่เอเชีย  ซึ่งหลายปีที่ผ่านมาไทยเสียเวลาไปมากกับความขัดแย้งทางความคิด และความผันผวนของการเมืองในประเทศ แต่นักลงทุนญี่ปุ่นยังคงมีความมั่นใจในศักยภาพของประเทศไทยไม่ละทิ้ง  และยังคงลงทุนโดยต่อเนื่องในหลากหลายอุตสาหกรรม และยังคงเป็นชาติที่มีการลงทุนสูงสุดใประเทศไทยต่อเนื่องมาหลายปี ทำให้จำนวนธุรกิจญี่ปุ่นในประเทศไทยอย่างน้อย7,000-8000 บริษัท และมีคนญี่ปุ่นอาศัยในไทยกว่า 6 หมื่นคน   

 นายสมคิด กล่าวว่า ขณะนี้สถานการณ์ได้พลิกฟื้น บ้านเมืองสงบ การเมืองมีเสถียรภาพ เศรษฐกิจเติบโตอย่างมั่นคง มาอยู่ที่ระดับ4.3% ในไตรมาส3 และคาดว่าจะอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกันในไตรมาสสุดท้าย สำนักงานเศรษฐกิจต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น กระทรวงการคลัง ธปท. คาดว่าปีนี้จะดีขึ้นกว่าปีที่ เนื่องจากนโยบายที่รัฐบาลขับเคลื่อนเริ่มออกผลโดยเฉพาะอย่างยิ่งการลงทุนขนาดใหญ่ของรัฐ หลังจากที่หยุดชะงักไปนาน 

การส่งออกที่เติบโตอย่าต่อเนื่องเฉลี่ยปีที่แล้วเกือบ 10% เศรษฐกิจโลกปีนี้จะดีกว่าปีที่แล้ว  และความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้นซึ่งส่งผลต่อการบริโภคและการลงทุน ไม่ว่าจะเป็นดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ความเชื่อมั่นภาคการผลิตอุตสาหกรร หรือเมื่อเร็วๆนี้ดัชนีความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจญี่ปุ่นได้เพิ่มสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดด  แสดงนักลงทุนญี่ปุ่นเชื่อมั่นต่อสิ่งที่รัฐบาลไทย และอนาคตประเทศไทยจะไปได้ดี  โดยภาระหนี้สาธารณะยังอยู่ที่ระดับต่ำมากคือเพียงประมาณ42-43% ต่อจีดีพีเท่านั้น เงินเฟ้อก็ต่ำ 

นายสมคิด กล่าวว่า ขณะนี้โอกาสกำลังมาสู่เอเชียศูนย์กลางเศรษฐกิจโลกกำลังเคลือนจากตะวันตกสู่ตะวันออก และอาเซียนกำลังเป็นข้อต่อที่สำคัญทั้งในด้านภูมิรัฐศาสตรด้านความมั่นคง และในด้านเศรษฐกิจที่ทั้งภูมิภาคมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง จีนกำลังขยายและกระชับสัมพันธ์เชิงลึกกับอาเซียนด้วยการผลักดันความสัมพันธ์ล้านช้างและลำนํ้าโขง และนโยบาย one belt one road ผ่านทั้งลาว ไทย สู่มาเลเซีย สิงคโปร์และอินโดนีเซีย

ในขณะเดียวกัน การเคลื่อนไหวในการผลักดันแนวนโยบายความร่วมมืออินโด แปซิฟิก โดยอินเดีย อาเซียน ญี่ปุ่น อเมริกาและออสเตรเลีย ซึ่งพาดผ่านสองคาบสมุทร ความร่วมมือดังกล่าวโดยเฉพาะอย่างยิ่งการเน้นการสร้างconnectivity อีกทั้งยุทธศาสตร์ความมั่นคงและเศรษฐกิจร่วมกันในช่วง2ปีที่ผ่านมา มีผลทำให้อาเซียนกำลังเป็นจุดตัดของความเปลี่ยนแปลงเชิงภูมิรัฐศาตร์ของภูมิภาคแห่งนี้ซึ่งชาติใหญ่ที่มีพลังทางเศรษฐกิจล้วนเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้อง ซึ่งแน่นอนที่สุดย่อมนำมาซึ่งโอกาสทางการค้า และการลงทุนที่จะตามมา ทุกประเทศในอาเซียนตระหนัก ไทยตระหนักในโอกาสที่กำลังมาถึง และได้เร่งปฏิรูปประเทศโดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านเศรษฐกิจเพื่อให้สามารถเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจและการลงทุนแห่งภูมิภาค รัฐบาลจึงประกาศโครงการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่มูลค่านับล้านล้านบาทใน5ปีข้างหน้า ทั้งการลงทุนทางถนน รถไฟทางคู่ รถไฟความเร็วสูง ท่าเรือ วางระบบ IT และเครือข่ายดิจิตอล บางโครงการได้เริ่มแล้วและทุกโครงการที่สำคัญจะต้องได้รับการจัดสรรงบประมาณ และเรียกประกวดราคาในกรณีร่วมทุนกับเอกชนในลักษณะพีพีพีภายในปีนี้และปีหน้าเป็นส่วนใหญ่  

นายสมคิด กล่าวว่า รัฐบาลได้กำหนดอุตสาหกรรมเป้าหมาย ที่จะให้มีการลงทุนในโครงการระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก(อีอีซี) ซึ่งเป็นการต่อยอดจากโครงการอีสเทิร์นซีบอร์ด ที่เป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมของไทยในอดีต โดยขยายขอบเขตครอบคลุม3 จังหวัดใหญ่ในภาคตะวันออก 

พร้อมกันนี้ รัฐบาลก็ได้เร่งรัดขจัดอุปสรรคการลงทุนจนได้รับการเลื่อนอันดับถึง20อันดับจากธนาคารโลกในปีที่ผ่านมา และเพื่อเป็นการจูงใจนักลงทุน ทางบีโอไอ ได้ดีไซน์แพคเกจ ภาษีพิเศษเพื่อการนี้และได้รับการตอบรับอย่างดียิ่งจากนักลงทุน โดยที่ยอดการยื่นขอการลงทุนในอีอีซี ในปีที่ผ่านมามีมูลค่าสูงกว่า2แสนล้านบาทหรือประมาณ 1 ใน 3 ของมูลค่าลงทุนทั้งหมด

“การปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจไทยครั้งสำคัญนี้ เราไม่อาจทำได้โดยลำพัง เราหวังเป็นอย่างยิ่งในความร่วมมือและการสนับสนุนจากนักลงทุนจากญี่ปุ่นมหามิตรของไทย ดังเช่นในอดีต ผมได้เดินทางมาญี่ปุ่นหลายครั้งเพื่อเชิญชวนนักลงทุนจากญี่ปุ่นมาร่วมกับเรา ผมขอใช้โอกาสนี้เชิญชวนท่านทั้งหลายหากมีจุดประสงค์จะขยายการลงทุนในต่างประเทศโดยเฉพาะในอาเซียน ก็ขอให้พิจารณาไปลงทุนในประเทศไทย ผมและผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหลายจะดูแลท่านเป็นอย่างดี” นายสมคิด กล่าว 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  ภายหลังการให้ข้อมูลในภาพรวมโดยรองนายกรัฐมนตรี หน่วยงานต่างๆได้ให้ข้อมูล โดยนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้ข้อมูลนโยบายส่งเสริมการลงทุนใหม่ของประเทศไทยรวมถึงนโยบายไทยแลนด์ 4.0  นายวีระศักดิ์ ฟูตระกูล รมช.การต่างประเทศ ให้ข้อมูล การเปิดสถานสถานกงสุลใหญ่ ณ นครฟูกุโอกะ นางสาวดวงใจ อัศวจินตจิตร์ เลขาธิการบีโอไอ ให้ข้อมูลสิทธิประโยชน์การลงทุนในประเทศไทย  และนางลักษมณ อรรถาพิช รองเลขาธิการคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก ให้ภาพรวมโครงการอีอีซี และศักยภาพในอนาคต