พาณิชย์ลุยสร้างอาชีพคนถือบัตรคนจน ดัน"กาญจนบุรี"เป็นต้นแบบ

พาณิชย์ จับมือ 6 หน่วยงานพันธมิตรจัดโครงการ “กาญจนบุรีโมเดล” เตรียมช่วยพัฒนาและสร้างอาชีพให้กับผู้ถือบัตรคนจน ก่อนขยายโมเดลช่วย 10 จังหวัดยากจนเพิ่มเติม 

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์ได้ร่วมมือกับ 6 หน่วยงานพันธมิตร ได้แก่ หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา กองบัญชาการกองทัพไทย ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย ธนาคารออมสิน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ร่วมกันจัดโครงการประชารัฐ สร้างงาน สร้างโอกาส สร้างตลาด สร้างรายได้ เพื่อจังหวัดกาญจนบุรี ในวันที่ 10 ก.พ.2561 ณ  จังหวัดกาญจนบุรี

ทั้งนี้ เป็นการนำโครงการประชารัฐสวัสดิการเฟส 2 ของรัฐบาลมาขยายผลลงสู่ภาคปฏิบัติ โดยนำเสนอทางเลือกที่จะพัฒนาตนเองให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐผ่านการฝึกอบรมเพื่อสร้างอาชีพและสร้างรายได้ให้มากขึ้น และการช่วยเหลือเกษตรกร กลุ่มวิสาหกิจชุมชน ผู้ประกอบการขนาดจิ๋ว ขนาดกลางและเล็ก ให้มีโอกาสในการค้าขายเพิ่มขึ้น และยกระดับแหล่งท่องเที่ยวชุมชน เพื่อสร้างรายได้เข้าชุมชนให้มากขึ้น  

“โครงการนี้มีชื่อเรียกสั้นๆ “กาญจนบุรีโมเดล 4 สร้าง” คือ สร้างงาน สร้างโอกาส สร้างตลาด และสร้างรายได้ โดยหน่วยงานพันธมิตรจะเข้าไปช่วยเหลือผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เกษตรกร ผู้ผลิตชุมชน ทั้งรายที่เล็กจริงๆ ไปจนถึงขนาดย่อม ขนาดกลาง ให้มีโอกาสในการทำอาชีพ มีโอกาสในการค้าขาย ถือเป็นการขับเคลื่อนภายใต้กระบวนการไทยนิยมอย่างยั่งยืน”

อย่างไรก็ตาม กระทรวงฯ จะนำกาญจนบุรีโมเดลนี้ไปเป็นต้นแบบขยายผลไปยัง 10 จังหวัดที่มีรายได้น้อยที่สุดของประเทศต่อไป ได้แก่ แม่ฮ่องสอน นราธิวาส ปัตตานี กาฬสินธุ์ นครพนม ชัยนาท ตาก บุรีรัมย์ อำนาจเจริญ และน่าน ต่อไป

สำหรับกิจกรรมที่จะดำเนินการในครั้งนี้ ประกอบด้วย การเปิดให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐแจ้งความประสงค์เข้าร่วมในโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือมาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยเฟส 2 โดยธ.ก.ส. และธนาคารออมสิน ร่วมกันรับแจ้งความประสงค์ของผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่ประสงค์เข้าร่วมโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิต โดยรัฐบาลเปิดให้มีการลงทะเบียนการเข้าร่วมโปรแกรมพัฒนาตนเองระหว่างวันที่ 1-28 ก.พ.2561

ด้านกระทรวงพาณิชย์ จะนำหน่วยให้บริการคำปรึกษาตั้งแต่การเริ่มต้นธุรกิจ อาทิ การจดทะเบียนนิติบุคคล การจดเครื่องหมายการค้า การจัดทำบัญชีและงบการเงิน การพัฒนาเพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้าและบริการ โปรแกรมการพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการ รวมทั้งการเชื่อมโยงสู่ตลาดการค้าออนไลน์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมทั้งแนะนำโครงการแฟรนไชส์สร้างอาชีพเพื่อผู้มีรายได้น้อย ซึ่งมีขนาดการลงทุนประมาณ 1-5 หมื่นบาท

นอกจากนี้ จะจัดกิจกรรมเพื่อเชื่อมโยงกลุ่มผู้ประกอบการเป้าหมายที่มีความพร้อม ได้แก่ กลุ่มวิสาหกิจชุมชน ผู้ประกอบการรายย่อย (ไมโคร เอสเอ็มอี) ให้พบกับผู้ซื้อจากร้านค้าโมเดิร์นเทรด ห้างสรรพสินค้า ร้านค้าส่งค้าปลีก เพื่อรับฟังคำแนะนำในการพัฒนาสินค้าเพื่อเข้าจำหน่ายในห้าง ใน 5 กลุ่มสินค้าหลัก ได้แก่ อาหาร ของใช้ภายในบ้าน ของตกแต่งบ้าน เครื่องแต่งกาย และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพและความงาม

“ภายในงานจะมีการแนะนำสินเชื่อรูปแบบต่างๆ จากธนาคารออมสินและ ธ.ก.ส และบรรษัทประกันภัยสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เช่น สินเชื่อเพื่อธุรกิจแฟรนไชส์ สินเชื่อสตรีทฟู้ด การให้ความรู้ทางการเงินเพื่อให้มีแผนการจัดการทางการเงินของตนเอง พร้อมทั้งแนะนำการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ และยังมีการจำหน่ายสินค้าธงฟ้าราคาประหยัด เพื่อช่วยบรรเทาค่าครองชีพของประชาชน และการนำสินค้าเด่นของชุมชนมาจำหน่าย ประมาณ 120 คูหา ระหว่างวันที่ 9-12 ก.พ.2561”นายสนธิรัตน์ กล่าว