posttoday

พาณิชย์ปลื้ม!ไม่มีชื่อย่านการค้าไทยติดโผแหล่งละเมิดลิขสิทธิ์

15 มกราคม 2561

พาณิชย์ปลื้ม สหรัฐฯ ประกาศรายชื่อตลาดที่มีการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาสูงทั่วโลก ไม่มีชื่อย่านการค้าของไทยแม้แต่แห่งเดียว

พาณิชย์ปลื้ม สหรัฐฯ ประกาศรายชื่อตลาดที่มีการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาสูงทั่วโลก ไม่มีชื่อย่านการค้าของไทยแม้แต่แห่งเดียว

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2561 สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐอเมริกา (USTR) ได้ออกรายงานทบทวนรายชื่อตลาดที่มีการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาสูงทั่วโลก ประจำปี 2560 (2017 Out-of-Cycle Review of Notorious Markets) ทั้งตลาดที่มีการขายสินค้าละเมิด (Physical Markets) และตลาดออนไลน์ (Online Markets)โดยในปีนี้ไม่ปรากฏชื่อย่านการค้า/ศูนย์การค้าในประเทศไทยเป็นตลาดที่มีการละเมิดสูง (Notorious Markets) เลยแม้แต่แห่งเดียว ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปี

ทั้งนี้ ตั้งแต่ปี 2550 - 2559 มีย่านการค้า/ศูนย์การค้าที่เคยถูกระบุว่าเป็น Notorious Markets จำนวน 13 แห่ง ได้แก่ ศูนย์การค้าพันธุ์ทิพย์พลาซ่า คลองถม สะพานเหล็ก บ้านหม้อ ตลาดนัดจตุจักร ศูนย์การค้าเอ็มบีเค ตลาดนัดถนนวิทยุ ถนนสุขุมวิท ซอย 3 ถึง 19 พัฒน์พงษ์ หาดกะรน (จังหวัดภูเก็ต) หาดป่าตอง (จังหวัดภูเก็ต) ศูนย์การค้าไอทีซิตี้ (พัทยา) และตลาดโรงเกลือ (จังหวัดสระแก้ว) ซึ่งรัฐบาลได้ดำเนินการกวดขันปราบปรามอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในพื้นที่ที่เคยถูกระบุว่าเป็น Notorious Markets มีการจับกุมกว่า 700 คดี ยึดของกลางเกือบ 150,000 ชิ้น ในช่วงเดือนมกราคม-กันยายน 2560 จนกระทั่งเหลือเพียงแห่งเดียว คือ ศูนย์การค้าเอ็มบีเค ในการประกาศครั้งที่แล้ว และไม่เหลือเลยแม้แต่แห่งเดียวในการประกาศครั้งนี้

นายสนธิรัตน์ฯ กล่าวต่อไปว่า นอกจากในรายงานของ USTR จะไม่มีชื่อย่านการค้า/ศูนย์การค้าของไทยเป็น Notorious Markets อีกต่อไปแล้ว USTR ยังได้ชื่นชมถึงความมุ่งมั่นในการดำเนินการของรัฐบาล ภายใต้การนำของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ซึ่งได้สั่งการให้ดำเนินการปราบปรามการละเมิดอย่างจริงจังจนการละเมิดได้หมดสิ้นไปในหลายพื้นที่ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2560 เป็นต้นมา รวมถึงการกำกับดูแลงานด้านการปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ภายใต้คณะอนุกรรมการปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ที่มีพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ทำให้มีการบูรณาการการดำเนินการอย่างจริงจัง โดยกระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ทหารทั้งสามเหล่าทัพ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทยทั้งส่วนกลางและระดับจังหวัด กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) สำนักงาน กสทช. กรมศุลกากร และกรมสอบสวนคดีพิเศษ เป็นต้น ได้ประสานงานกับภาคเอกชนเจ้าของทรัพย์สินทางปัญญาในการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดจนเห็นผลเป็นรูปธรรม

นอกจากนี้ยังมีการจัดตั้งศูนย์ปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา (IP Enforcement Center: IPEC) เพื่อตรวจตราจับกุม ใน 5 ย่านการค้าสำคัญ คือ ศูนย์การค้าเอ็มบีเค ตลาดนัดจตุจักร ตลาดโรงเกลือ (จังหวัดสระแก้ว) หาดป่าตอง และหาดกะรน (จังหวัดภูเก็ต)ตลอดจนได้มีการประสานงานกับเจ้าของพื้นที่ในด้านการเสริมสร้างความเข้าใจให้แก่ผู้ค้าและสอดส่องดูแลมิให้มีการขายสินค้าละเมิดในพื้นที่ของตนด้วย

นายสนธิรัตน์ กล่าวแสดงความยินดีและขอบคุณทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน สำหรับผลสำเร็จในการดำเนินการข้างต้น ซึ่งกรมทรัพย์สินทางปัญญาได้จัดทำรายงานผลการดำเนินการส่งให้แก่ USTR ทำให้สหรัฐฯ ได้รับทราบข้อมูลอย่างถูกต้องและมีส่วนสำคัญที่ทำให้ไม่มีแหล่งขายสินค้าในประเทศไทยถูกระบุว่าเป็น Notorious Markets อีกต่อไป

อนึ่ง การประกาศรายชื่อ Notorious Markets เป็นกระบวนการหนึ่งในการประเมินสถานะการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาของประเทศคู่ค้าตามกฎหมายการค้ามาตรา 301 พิเศษ (Special 301) โดย USTR ได้แยกรายงาน Notorious Markets ออกจากรายงาน Special 301 ตั้งแต่ปี 2554 เป็นต้นมา ทั้งนี้ ในปีนี้ USTR ระบุรายชื่อแหล่งขายสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาสูงทางออนไลน์ (Online Markets) ได้แก่ เว็บไซต์ 1FICHIER.COM 4SHARED.COM DHGATE.COM และ INDIAMART.COM เป็นต้น สำหรับตลาดที่มีการขายสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาสูง (Physical Markets) ได้แก่ ตลาด Silk Market และ Hongqiao Market ในกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน และแหล่งขายสินค้าละเมิดในประเทศต่างๆ เช่น อาร์เจนตินา แคนาดา อินเดีย อินโดนีเซีย อิตาลี เม็กซิโก และสเปน เป็นต้น

นายสนธิรัตน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากการปรับสถานะของไทยออกจากบัญชีประเทศที่ต้องจับตามองพิเศษ (PWL) เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2560 แล้ว รายงาน Notorious Markets ของสหรัฐฯ ในครั้งนี้ เป็นอีกสัญญาณหนึ่งที่ยืนยันว่าไทยมีพัฒนาการในการให้ความคุ้มครองและบังคับใช้กฎหมายทรัพย์สินทางปัญญาอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล ซึ่งช่วยเสริมสร้างบรรยากาศการค้าการลงทุนที่ดีขึ้น ตลอดจนช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ของประเทศ อันจะนำไปสู่การเติบโตทางเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน และเพิ่มขีดความสามารถ ในการแข่งขันของไทย ตามนโยบายรัฐบาลในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศด้วยนวัตกรรมและทรัพย์สินทางปัญญา

"ขอขอบคุณคนไทยที่ร่วมกันไม่ซื้อ ไม่ขาย และไม่ใช้ของปลอม และขอให้ทุกฝ่ายร่วมกันสร้างจิตสำนึกและความตระหนักถึงความสำคัญของทรัพย์สินทางปัญญา โดยเริ่มจากเด็กและเยาวชน เพื่อให้เด็กและเยาวชนไทย รู้คิด รู้เท่าทัน สร้างสรรค์เทคโนโลยี ตามคำขวัญวันเด็กประจำปีนี้ และเพื่อให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนต่อไป"นายสนธิรัตน์  กล่าว