posttoday

ค่าบาทแข็ง! ทำมูลค่าส่งออกวูบ 2.3 แสนล้านบาท

09 มกราคม 2561

สรท.คาดส่งออกปีนี้โต 5.5% ชี้ค่าเงินบาทยังเป็นปัจจัยเสี่ยง ระบุตั้งแต่ต้นปีแข็งค่าขึ้น 1 บาท ทำมูลค่าส่งออกหาย 2.3 แสนล้านบาท

สรท.คาดส่งออกปีนี้โต 5.5% ชี้ค่าเงินบาทยังเป็นปัจจัยเสี่ยง ระบุตั้งแต่ต้นปีแข็งค่าขึ้น 1 บาท ทำมูลค่าส่งออกหาย 2.3 แสนล้านบาท

นายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา รองประธานสภาผู้ส่งออกสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) กล่าวว่า สถานการณ์อัตราแลกเปลี่ยนล่าสุด (8 ม.ค.2561) อยู่ที่ 32.20 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ แข็งค่าขึ้นแล้วกว่า 8%นับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการแข็งค่าสูงสุดในรอบ 39 เดือน นับเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ต้องจับตาใกล้ชิด เพราะในช่วง 2 สัปดาห์ของปีนี้ ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นมาแล้วประมาณ 1 บาท ทำให้มูลค่าการส่งออกในรูปเงินบาทหายไป 2.3 แสนล้านบาท และมีผลต่อเม็ดเงินในระบบเศรษฐกิจที่หายไปประมาณ 7.91 แสนล้านบาท หรือคิดเป็น 5% ของมูลค่าจีดีพีประเทศ

"ค่าเงินบาทของไทยในช่วงปี 2560 ที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบัน ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นไปแล้วเฉลี่ย 3.4 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ โดยแข็งค่าขึ้นจากระดับ 36.07 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ มาอยู่ที่ 32.67 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งมีความผันผวนสูงมาก ทำให้แม้ว่าผู้ส่งออกจะมีการทำประกันความเสี่ยงค่าเงินไว้แล้ว แต่ก็ยังทำได้ยาก เพราะแข็งค่าขึ้นเร็วและแรง"นายวิศิษฐ์ กล่าว

น.ส.กัญญภัค ตันติพิพัฒน์พงศ์ ประธานสภาผู้ส่งออกสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) กล่าวว่า ในวันที่ 12 ม.ค.นี้ ทางสรท.ได้นัดเข้าพบผู้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อหารือและรับทราบข้อมูลสถานการณ์อัตราแลกเปลี่ยนที่ชัดเจนว่า จะมีมาตรการใดมาช่วยหรือไม่ และจะมีการปล่อยให้เงินไหลเข้ามาเรื่อยๆ ถึงเมื่อไหร่ รวมทั้งจะมีมาตรการบาทอ่อนหรือบาทแข็ง เพราะในฐานะผู้ส่งออกการที่ค่าเงินผันผวนทำให้กำหนดราคาขายสินค้าไม่ถูก

"ค่าเงินบาทมีโอกาสแข็งค่าขึ้นไปแตะที่ 31 บาท/ดอลลาร์สหรัฐได้ เพราะค่าเงินบาทของไทยเคยแข็งค่ามากสุดที่ 28 บาท/ดอลลาร์สหรัฐมาแล้ว และปีนี้คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาเที่ยวไทยเพิ่ม ทำให้มีเงินต่างประเทศไหลเข้ามากขึ้น จึงทำให้ค่าเงินบาทมีโอกาสแข็งค่าขึ้นได้อีก โดยผู้ส่งออกมองว่า อัตราแลกเปลี่ยนที่เหมาะสมควรจะย้อนกลับไปที่ระดับเดิมก่อนที่จะแข็งค่าคือ 33-34 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ เพื่อให้การส่งออกโตได้ 5.5% โดยที่ไม่กระทบต่อจีดีพี"น.ส.กัญญาภัค กล่าว