posttoday

ชงแผนช่วยคนจนเฟส2 ลุยปั้นอาชีพเพิ่มรายได้ไม่แจกเงินเปล่า

08 มกราคม 2561

ชงแผนช่วยคนจนเฟส 2 เข้า ครม. 9 ม.ค. นี้ “สมคิด-อภิศักดิ์” ส่งแผนถึงมือนายกฯ ย้ำไม่แจกเงินเปล่า เน้นฝึกอาชีพ เพิ่มรายได้

ชงแผนช่วยคนจนเฟส 2 เข้า ครม. 9 ม.ค. นี้ “สมคิด-อภิศักดิ์” ส่งแผนถึงมือนายกฯ ย้ำไม่แจกเงินเปล่า เน้นฝึกอาชีพ เพิ่มรายได้

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า สัปดาห์ที่ผ่านมา ได้เข้าพบหารือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมกับ นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง และนายเดชา ภิวัฒน์ ณ สงขลา ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ เพื่อเสนอรายละเอียดมาตรการโครงการสวัสดิการแห่งรัฐระยะที่ 2 เพื่อช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย ซึ่งกระทรวงการคลังมีกำหนดเสนอเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 9 ม.ค. และจะมีผลใช้บังคับในเดือน มี.ค.เป็นต้นไป

ทั้งนี้ ลักษณะโครงการระยะที่ 2 จะเน้นการพัฒนาทักษะอาชีพและเป็นโปรแกรมเฉพาะที่สอดคล้องและเหมาะสมกับอาชีพ ที่อยู่อาศัย และช่วงอายุ โดยการร่วมดำเนินการของหลายหน่วยงาน เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธ.ก.ส.) จะรับผิดชอบฝึกอาชีพให้กับเกษตรกรที่มีรายได้น้อย กระทรวงแรงงาน และกระทรวงพาณิชย์จะรับผิดชอบโปรแกรมการฝึกอาชีพให้กับผู้มีรายได้น้อยในเมือง มีสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ ของธนาคารเฉพาะกิจของรัฐอย่าง ธ.ก.ส.และออมสินไว้รองรับ

“บางส่วนเป็นโปรแกรมของกระทรวงมหาดไทยในการพัฒนาอาชีพ ซึ่งถือว่าเป็นครั้งแรกของโลกที่มีการคิดโปรแกรมในการพัฒนาอาชีพให้กับผู้มีรายได้น้อยในลักษณะนี้”นายสมคิด กล่าว

ทั้งนี้ เจตนาการทำโครงการระยะที่ 2 ไม่ใช่การให้เปล่า แต่มีเงื่อนไขเป็นโปรแกรมพัฒนาคน โดยเริ่มต้นจากเกษตรกรซึ่งจะร่วมมือกับเกษตรจังหวัด ผู้ว่าราชการจังหวัด โดยมาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยระยะที่ 2 จะครอบคลุมผู้มีรายได้น้อยที่มีรายได้ไม่เกิน 1 แสนบาท/ปี ที่มีการลงทะเบียนในโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรวม 11.4 ล้านคน โดยกระทรวงการคลังจะเน้นยกระดับรายได้ของกลุ่มผู้มีรายได้น้อยที่มีรายได้ต่ำกว่าปีละ 3 หมื่นบาท ซึ่งปลัดกระทรวงการคลังได้ให้ข้อมูลก่อนหน้านี้ว่ามีอยู่ประมาณ 5.3 ล้านคน โดยเป็นเกษตรกรกว่า 2.6 ล้านคน

นายสมคิด กล่าวว่า สำหรับภาวะเศรษฐกิจภาพรวมในขณะนี้ จีดีพีไตรมาส 4 น่าจะออกมาดีมากและส่งต่อไตรมาสแรกของปี 2561 ด้วย แต่เป้าหมายสำคัญของรัฐบาลคือ การแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ และการพัฒนาดิจิทัลซึ่งต้องทำทั้งสองอย่างนี้ให้ประสบผลสำเร็จในปีนี้