ชูกาฬสินธุ์โมเดลสร้างรายได้5.6หมื่น

เกษตรชูกาฬสินธุ์โมเดลแก้ปัญหาความยากจน ยกระดับรายได้ 5.6 หมื่น/คน/ปี

นายกฤษฎา บุญราช รมว.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ได้ประชุมร่วมกับ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี เพื่อขับเคลื่อนกาฬสินธุ์โมเดล ซึ่งเป็นจังหวัดแรกที่รัฐบาลกำหนดให้เป็นจังหวัดนำร่องใช้เป็นโมเดลในการแก้ไขปัญหาความยากจนของประชาชนตามคำสั่งนายกรัฐมนตรี โดยจะยกระดับรายได้เฉลี่ยต่อคนเพิ่มขึ้นเป็น 5.6 หมื่นบาท/คน/ปี จากปี 2560 ที่มีรายได้ประมาณ 50,400 บาท/คน/ปี

ทั้งนี้ ได้มีการวางแนวทางการแก้ไขปัญหาเพื่อให้โครงการบรรลุเป้าหมายคือให้วิเคราะห์ปัจจัยเกี่ยวข้องต่อความยากจนของเกษตรกรโดยแบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ 1.กลุ่มเกษตรกรที่ถูกเอาเปรียบจากกลุ่มนายทุน เช่น การทำสัญญากับนายทุน หรือการกู้หนี้ นอกระบบ 2.ปัจจัยการดำรงชีวิตของเกษตรกร เองไม่เหมาะสม เช่น ขาดอุปกรณ์เครื่องมือ เครื่องจักรกลการเกษตร พื้นที่การเกษตร ไม่เหมาะสม ความแห้งแล้งน้ำ องค์ความรู้ในการต่อยอดอาชีพทางการเกษตรและ 3.ด้านชีวิตความเป็นอยู่รายบุคคลและครัวเรือน เช่น สภาพแวดล้อมทางสังคม หรือ ปัญหายาเสพติด

"เมื่อแยกเป็นสามกลุ่มหลักแล้วจะสามารถกำหนดแผนงานและการให้การสนับสนุนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ได้ ขณะเดียวกันการดำเนินการไม่เพียง มุ่งเน้นเฉพาะแสวงหารายได้เท่านั้น แต่ให้มี การพิจารณาเรื่องการลดรายจ่ายในครัวเรือน ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของรัชกาลที่ 9 มาขับเคลื่อนควบคู่กันด้วย และให้ขยายผลจิตอาสาโครงการพระราชทานในรัชกาลที่ 10 ในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างเกษตรกรที่ยังทำการเกษตรแบบดั้งเดิม กับเกษตรกรรุ่นใหม่ สมาร์ทฟาร์เมอร์ หรือเกษตรกรต้นแบบ เพื่อต่อสู้ความยากจนอีกด้วย" นายกฤษฎา กล่าว

นอกจากนั้น ให้ตรวจสอบอัตรากำลังเจ้าหน้าที่ราชการในพื้นที่ว่าเหมาะสมและสอดคล้องกับภารกิจหรือไม่ และห้ามข้าราชการจังหวัดนี้ไปช่วยราชการจังหวัดอื่นเพื่อป้องกันการขาดกำลังคน และให้ ผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรฯ ลงพื้นที่ ตรวจราชการที่ จ.กาฬสินธุ์ อย่างน้อยเดือน ละครั้ง และรายงานผลการดำเนินการทุกเดือน โดยเฉพาะปัญหาอุปสรรคในการดำเนินการ ปัจจุบันกรมชลประทานได้ร่วมกับ มูลนิธิปิดทองหลังพระทำโครงการแปลงเกษตรทฤษฎีใหม่ด้วยระบบน้ำหยดโดยใช้พลังงานแสงอาทิตย์ พื้นที่ใน ต.นาโก อ.กุฉิ นารายณ์ จ.กาฬสินธุ์ เป็นกลุ่มตัวอย่างเกษตรกรจำนวน 13 ครัวเรือน