"สนข."เล็งลดค่าแรกเข้าระบบขนส่งหลังเชื่อมตั๋วร่วม

สนข.เล็งลดค่าแรกเข้าระบบขนส่ง 30% หลังเชื่อมตั๋วร่วม ยันกลางปี 61 ทยอยเปิดใช้

นายเผด็จ ประดิษฐ์เพชร ผู้อำนวยการสำนักบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม สำนักนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เปิดเผยว่า ความคืบหน้าโครงการติดตั้งระบบตั๋วร่วม หรือ บัตรแมงมุมยังคงเดินไปตามเป้าหมายที่นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคมได้ตั้งไว้ว่าต้องเริ่มเชื่มต่อระบบตั๋วร่วมภายในกลางปี 2561 โดยล่าสุดสนข.คาดว่าจะเชื่อมการขนส่งทั้งระบบด้วยบัตรใบเดียวภายในปี 2561 เริ่มจากแอร์พอร์ตลิงก์ตอนนี้ได้เริ่มกระบวนการจัดซื้อพร้อมติดตั้งระบบไปแล้ว คาดว่าจะสามารถเริ่มเปิดใช้บัตรแมงมุมในเดือนมิ.ย.-ก.ค. 2561 ขณะที่การติดตั้งระบบอ่านบัตรแมงมุมและชำระค่าโดยสารผ่านบัตรอิเล็กทรอนิกส์ (E-Ticket) คาดว่าจะติดตั้งบนรถเมล์ 800 คันได้ภายในม.ค.นี้ ก่อนทยอยติดตั้ง 1,500 คันในเดือนก.พ.และติดตั้งครบ 2,600 คันภายในเดือนเม.ย. เพื่อเริ่มเชื่อมกับรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์ช่วงกลางปี

ส่วนรถไฟฟ้าอีกสามสายได้แก่ สายสีเขียว ของบีทีเอส รถไฟใต้ดินสายสีน้ำเงินของบีอีเอ็ม และรถไฟฟ้าสายสีม่วงของรฟม. จะสามารถติดตั้งระบบพร้อมเปิดใช้งานภายใน พ.ย. 2561 ส่วนด้านการทางพิเศษแห่งประเทศไทย(กทพ.)และกรมทางหลวง(ทล.)ได้รายงานว่าอยู่ระหว่างดำเนินการจัดซื้อเครื่องอ่านบัตรตั๋วร่วมเพื่อนำไปติดตั้งบริเวณด่านเก็บเงินทางด่วนและด่านเก็บเงินมอเตอร์เวย์สาย7และสาย9 คาดว่าจะใช้งานได้ภายในปี 2561 เช่นกัน

นายเผด็จกล่าวต่อว่า ส่วนด้านอัตราค่าแรกเข้าของระบบขนส่งแต่ละประเภทที่ต้องลดลงหลังเชื่อมระบบบัตรใบเดียวนั้น ยืนยันว่ายังเป็นไปตามเดิมที่จะเห็นค่าโดยสารภาพรวมถูกลงเมื่อใช้ตั๋วร่วม เบื้องต้นตามผลศึกษาของสนข.ระบุให้เอกชนลดค่าแรกเข้าลง 30% แต่ทั้งนี้ต้องรอข้อสรุปจากคณะกรรมการบริหารตั๋วร่วม รวมถึงการออกข้อบังคับทางกฎหมายและเงื่อนไขที่เอกชนต้องปฏิบัติตาม ซึ่งอยู่ในพรบ.ตั๋วร่วม ที่คาดว่าจะเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)เห็นชอบภายในเดือน ม.ค.ก่อนเข้าสู่ขั้นตอนกฤษฎีกาและส่งต่อให้สภานิติบัญญัติออกเป็นกฏหมายบังคับใช้ต่อไปภายในกลางปีหน้า เพื่อให่สอดคล้องกับกำหนดระยะเวลาเปิดใช้งานตั๋วร่วม

ด้านแหล่งข่าวจากสนข.กล่าวว่าสำหรับประเด็นที่มีเอกชนผู้ประกอบการรถไฟฟ้าบางรายเรียกร้องขอขึ้นราคาค่าโดยสารภายหลังจากเชื่อมต่อตั๋วร่วมนั้นคิดว่าคงเป็นไปไม่ได้เพราะในพรบ.ตั๋วร่วมจะกำหนดให้เอกชนต้องลดค่าแรกเข้าตามสัดส่วนที่กำหนด ดังนั้นภายหลังออกพรบ.ดังกล่าวแล้ว กระทรวงคมนาคมจะเรียกเอกชนมาเจรจาแนวทางกำหนดอัตราค่าโดยสารต่อไป ทั้งนี้ที่ผ่านมามีเอกชนที่มีปัญหาดังกล่าวมีเพียงรายเดียวคือ ผู้บริหารรถไฟฟ้าสายสีเขียว