posttoday

เร่ง3โปรเจกต์ยักษ์ดันลงทุน

14 ธันวาคม 2560

"สมคิด" ดัน 3 โครงการใหญ่รอนายกฯ เคาะ เปิดทางสายการบินต่างชาติลงทุนอีอีซี

"สมคิด" ดัน 3 โครงการใหญ่รอนายกฯ เคาะ เปิดทางสายการบินต่างชาติลงทุนอีอีซี

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในช่วง 2 สัปดาห์ที่เหลือของปี 2560 จะเร่งขับเคลื่อนโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานให้มีความต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดการลงทุนไปถึงปี 2561 ประกอบไปด้วย 1.โครงการรถไฟความเร็วสูงความร่วมมือไทย-จีน เส้นทางกรุงเทพฯ-หนองคาย ช่วงที่ 1 กรุงเทพฯ-นครราชสีมา เริ่มเฟสแรกช่วงสถานีกลางดง-ปางอโศก ระยะทาง 3.5 กิโลเมตร (กม.) วงเงินก่อสร้าง 425 ล้านบาท ซึ่งมอบหมายให้กรมทางหลวง เป็นผู้ดำเนินการก่อสร้างงานโยธาเอง และไม่ต้องใช้วิธีการประมูลโดยจะเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 19 ธ.ค.เพื่อพิจารณาเห็นชอบ

2.โครงการศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยาน ที่ท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภาเพื่อสนับสนุนโครงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) โดยในวันที่ 15 ธ.ค.จะมีการลงนามความร่วมมือระหว่างบริษัท การบินไทย และบริษัท แอร์บัส เพื่อพัฒนาโครงการศูนย์ซ่อมฯ ดังกล่าว  ซึ่งการลงนามครั้งนี้เป็นจุดเริ่มต้นการพัฒนาธุรกิจการบินและศูนย์ซ่อมอากาศยานในพื้นที่ อีอีซีเพื่อสนับสนุนนโยบายการเป็นเมืองศูนย์กลางทางการบินของไทย

อย่างไรก็ตาม นอกจากบริษัท แอร์บัส แล้วยังมีภาคเอกชนที่สนใจที่จะเข้ามาลงทุนในอีอีซี ซึ่งเป็นบริษัทเอกชนรายใหญ่รายอื่นๆ เช่น สายการบินแอร์เอเชีย และสายการบินลุฟต์ฮันซา (Lufthansa) ที่ให้ความสนใจเข้ามาลงทุน โดยรัฐบาลสนับสนุนทุกสายการบินที่จะเข้ามาขยายกิจการในไทยทั้งในด้านของเส้นทางการบิน รวมถึงศูนย์ซ่อมอากาศยานเพื่อส่งเสริมนโยบายการเป็นศูนย์กลางการบินภูมิภาค แต่ภาคเอกชนที่จะเข้ามาลงทุนในไทยจะต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจนว่าจะเข้ามาช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวและพัฒนาอุตสาหกรรมการบินในประเทศไทยได้อย่างไรบ้าง

3.โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ เฟสแรก 5 เส้นทางระยะทาง 702 กิโลเมตร วงเงิน 9. 58 หมื่นล้านบาท ได้แก่ โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ หัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์ โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ เส้นทางนครปฐมหัวหิน โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนน จิระ 3 สัญญา ระยะทางรวม 136 กม. และโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ช่วงลพบุรี- ปากน้ำโพ 2 สัญญา เตรียมจะเสนอเข้าสู่ที่ประชุม ครม.ในวันที่ 19 ธ.ค. เพื่อรายงานผลการประมูลโครงการให้ ครม.รับทราบ

ทั้งนี้ เมื่อโครงการผ่านความเห็นชอบของ ครม.แล้ว ได้สั่งการให้ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) นัดหมายกับเอกชนผู้รับเหมาที่ชนะการประมูลในโครงการต่างๆ ให้มาประชุมรับฟังข้อมูลและลงนามในสัญญาให้แล้วเสร็จภายในเดือน ธ.ค.นี้

"ปีหน้าซึ่งเป็นปีที่จะดูแลเศรษฐกิจในระดับฐานรากให้มากขึ้น โดย 2 สัปดาห์ที่เหลือของปีนี้ ผมจะเร่งโครงการสำคัญๆ ที่ต้องการให้มีแรงส่งไปถึง โดยโครงการรถไฟทางคู่ 5 เส้นทางที่จะเข้า ครม.ถือว่าเป็นโครงการที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจมาก หลังจากผ่าน ครม.ในสัปดาห์หน้าจะเร่งประสานกับ รฟท.ให้จัดประชุมและลงนามกับเอกชนเลย ซึ่งจะเป็นการปิดฉากโครงการลงทุนสำคัญในปี 2560 ขณะที่ในปี 2561 ก็เดินหน้าตามแผนงานที่วางไว้" นายสมคิด กล่าว

ด้าน นายอานนท์ เหลืองบริบูรณ์ รองอธิบดีกรมทางหลวงในฐานะรักษาการ ผู้ว่าการ (รฟท.) กล่าวว่า รฟท.ได้รับนโยบายจากนายสมคิด ในประเด็นการเร่งรัดการลงนามกับภาคเอกชนในสัญญารถไฟทางคู่ทั้ง 5 เส้นทางไปดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในเดือน ธ.ค.นี้ โดยหลังจากดำเนินการได้ตามระยะเวลาดังกล่าวจะส่งผลให้การเบิกจ่ายงบประมาณโครงการเป็นไปอย่างรวดเร็วซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายของรัฐบาลที่ต้องการให้การเบิกจ่ายงบประมาณเป็นไปตามแผนที่วางไว้ โดยประเมินว่าในปี 2561 จะมี เม็ดเงินที่เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจจากโครงการ ดังกล่าวไม่ต่ำกว่า 6,000-7,000 ล้านบาท