สต๊อกล้นทุบปาล์มร่วง

ราคาปาล์มต่ำกว่า 4 บาท/กก. หลังสต๊อกน้ำมันปาล์มทะลัก 5 แสนตัน เกษตรกรเร่งรัฐส่งออกส่วนเกิน 2 แสนตัน

รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่า ราคาผลปาล์มดิบได้ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด ณ วันที่ 29 พ.ย. 2560 มีการรับซื้อที่เปอร์เซ็นต์น้ำมัน 18% ต่ำสุดอยู่ที่กิโลกรัมละ 3.40 บาท สูงสุดกิโลกรัมละ 3.70 บาท ซึ่งเป็นการปรับตัวลดลงจากช่วงก่อนหน้านี้ที่ราคาเฉลี่ยอยู่ที่กิโลกรัมละ 4.20-4.30 บาท หรือลดลงเฉลี่ย 14-15% สาเหตุที่ราคาลดลงอย่างมาก เนื่องจากมีปริมาณสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบของเดือน ต.ค. 2560 มากถึง 5.19 แสนตัน เพิ่มขึ้นจากเดือน ม.ค. 2560 ที่มีสต๊อกประมาณ 2.37 แสนตัน จากปกติที่สต๊อกน้ำมันปาล์มดิบจะอยู่ที่ 2-3 แสนตัน

นายสิทธิพร จริยพงศ์ ประธานสภาเกษตรกรจังหวัดสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า ราคาผลปาล์มดิบปรับตัวลงลงอย่างมาก เนื่องจากมีสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบในประเทศมากถึง 5 แสนตัน จากช่วงปกติที่จะมีสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบ 2-3 แสนตัน เป็นผลจากการที่เกษตรกรปลูกผลปาล์มในปีนี้เพิ่มเป็น 5.7 ล้านไร่ จากเดิมที่มีการปลูกปาล์มประมาณ 3 ล้านไร่ เพราะเกษตรกรหันมาปลูกปาล์มน้ำมันมากขึ้น เนื่องจากราคายางพาราตกต่ำ ส่งผลให้มีผลผลิตปาล์มออกสู่ตลาดมากถึง 1 ล้านตัน/เดือน จากเดิมที่มีผลผลิตออกสู่ตลาดประมาณ 8 แสนตัน/เดือน

ทั้งนี้ กลุ่มเกษตรกรได้เสนอแนวทางแก้ไขปัญหาเร่งด่วนในที่ประชุมคณะอนุกรรมการด้านการตลาดปาล์มน้ำมัน ที่มี รมว.พาณิชย์ เป็นประธานแล้ว เมื่อ วันที่ 24 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยขอให้กระทรวงพาณิชย์อำนวยความสะดวกภาคเอกชนในการส่งออกปาล์มน้ำมันปริมาณ 2 แสนตัน เพื่อดูดซับสต๊อกน้ำมันปาล์มออก นอกประเทศ และทำให้สต๊อกน้ำมันปาล์มกลับเข้าสู่ภาวะปกติที่ 2-3 แสนตัน และขอให้มีการกวดขันการรับซื้อผลปาล์มของโรงสกัดในเปอร์เซ็นต์น้ำมันขั้นต่ำตั้งแต่ 18% ขึ้นไป เพื่อผลักดันราคาผลปาล์มสูงขึ้น

"ผลผลิตที่มากถึง 1 ล้านตัน/เดือน สกัดเป็นน้ำมันปาล์มดิบได้ 2 แสนตัน/เดือน ส่วนการใช้ในประเทศเท่าเดิมอยู่ที่ 1.7 แสนตัน/เดือน ทำให้มีส่วนเกินมาก เป็นผลให้โรงงานสกัดอ้างสต๊อกล้นไม่มีที่เก็บและกดราคารับซื้อ ซึ่งบางโรงงานรับซื้อผลปาล์มเปอร์เซ็นต์น้ำมัน 17% ถือว่าไม่เป็นไปตามข้อตกลงที่รัฐกำหนดรับซื้อเปอร์เซ็นต์น้ำมัน 18% ทำให้ราคาตกต่ำลงมา" นายสิทธิพร กล่าว

ภาพประกอบข่าว