posttoday

แท็กซี่ร้องรัฐอุดหนุน 2.32 พันล้านค่าติดตั้งจีพีเอส

29 พฤศจิกายน 2560

แท็กซี่ร้องรัฐบาลอุดหนุน 2.32 พันล้านค่าติดตั้งจีพีเอส โวยค่าใช้จ่ายต่อปีเพิ่มขึ้น 33% ต่อปี

แท็กซี่ร้องรัฐบาลอุดหนุน 2.32 พันล้านค่าติดตั้งจีพีเอส โวยค่าใช้จ่ายต่อปีเพิ่มขึ้น 33% ต่อปี

นายวรพล แกมขุนทด นายกสมาคมวิชาชีพผู้ขับขี่แท็กซี่ฯ เปิดเผยว่าจากนโยบายกระทรวงคมนาคมที่บังคับให้รถแท็กซี่สาธารณะติดตั้งอุปกรณ์ส่วนควบด้านความปลอดภัยและระบบติดตามจีพีเอสนั้น ผู้ขับขี่แท็กซี่ทั่วประเทศเดือดร้อนเนื่องจากมีต้นทุนติดตั้งมีราคาสูงมาก โดยมีราคาเริ่มต้นที่ 29,000 บาทต่อคัน โดยในปี 2561 ปัจจุบันมีแท็กซี่ที่จะหมดอายุต้องต่อทะเบียนใหม่อีก 40,000คัน เบื้องต้นคาดว่าภายในปีหน้าจะมีแท็กซี่ที่ได้รับผลกระทบจดทะเบียนไม่ได้รวมประมาณ 80,000 ค้น ดังนั้นจึงอยากให้รัฐบาลอุดหนุนค่าติดตั้งอุปกรณ์ทั้งหมดราว 2,320 ล้านบาท เพราะผู้ขับขี่มีรายได้น้อยไม่ต้องการมีภาระค่าใช้จ่ายเพิ่ม

สำหรับค่าใช้จ่ายของผู้ให้บริการแท็กซี่ต่อปีอยู่ที่ 25,000-30,000 บาท แบ่งเป็น ค่าตรวจสภาพรถยนต์ 2,000 บาทต่อปี ค่าต่อภาษี 1,000 บาทต่อปี ค่าประกันภัยชั้น 3 จำนวน 9,000 บาทต่อปี และค่าจัดทำพรบ.ปีละ 3,000 บาท ที่เหลือเป็นค่าใช้จ่ายด้านการสึกหรอ ดังนั้นหากติดตั้วระบบจีพีเอสจะมีรายจ่ายเพิ่มขึ้น 10,000 บาทต่อปี คิดเป็น 33% ประกอบด้วย ค่าบำรุงรักษาอุปกรณ์และระบบ 4,000 บาทต่อปีและค่าอินเตอร์เน็ทจีพีเอส 5,400 บาทต่อปี อย่างไรก็ตามผู้ประกอบการเกรงว่าตลาดการติดตั้งจีพีเอสของรถโดยสารสาธารณะซึ่งมีมูลค่าหลายพันล้านบาทนั้นแต่กลับมีเอกชนและสหกรณ์ผู้ได้รับรองการติดตั้งเพียง 16 ราย จะเป็นการรวมหัวกันแบ่งเค้กและสามารถกำหนดราคาตลาดเพื่อโขกราคาค่าติดตั้งกับผู้ประกอบการจนไม่เกืดความเป็นธรรม

ทั้งนี้กฎกระทรวง ว่าด้วยรถยนต์รับจ้างบรรทุกคนโดยสารไม่เกิน 7 คน(แท็กซี่) พ.ศ 2560 ซึ่งกำหนดให้รถแท็กซี่ที่จดทะเบียนใหม่ทุกคนจะต้อง ติดตั้ง เครื่องบันทึกข้อมูลการเดินทางของรถ GPS Tracking พร้อมอุปกรณ์แสดงตัวผู้ขับรถ ,มาตรค่าโดยสาร ,ปุ่มฉุกเฉินสำหรับผู้โดยสาร และกล้องบันทึกภาพภายในรถแบบ Snap Shot รวมทั้งระบบเชื่อมโยงและทำงานร่วมกันได้แบบ Real-time เพื่อส่งข้อมูลไปยังศูนย์บริการสื่อสารรถยนต์รับจ้าง (แท็กซี่)

ด้านนายธีระพงษ์กล่าวว่า กระทรวงได้รับข้อเสนอทั้งหมดของสมาคมฯไว้พิจารณา โดยสั่งการให้กรมการขนส่งทางบก กลับไปศึกษาข้อดีข้อเสียของกฎกระทรวงดังกล่าว และแนวทางในการแก้ปัญหา โดยให้นำกลับมาเสนอ ให้รองปลัดด้านขนส่ง พิจารณาในสัปดาห์หน้าต่อไป ทั้งนี้จะต้องใช้เวลาในการพิจารณาด้วยความรอบคอบ เนื่องจากข้อกำหนดดังกล่าวนั้นได้ออกเป็นกฎหมายบังคับใช้ไปแล้ว