posttoday

คลอดแผนขนส่งดิจิทัล 'อาคม'ลั่นใน5ปี หวังปลดล็อกปัญหาจราจร เชื่อมบัตรโดยสาร

17 พฤศจิกายน 2560

คมนาคมผุดแผนขนส่งดิจิทัล ดึงเทคโนโลยียกระดับความปลอดภัย เดินหน้าพัฒนาระบบชำระต่อภาษีทะเบียนรถผ่านระบบออนไลน์

คมนาคมผุดแผนขนส่งดิจิทัล ดึงเทคโนโลยียกระดับความปลอดภัย  เดินหน้าพัฒนาระบบชำระต่อภาษีทะเบียนรถผ่านระบบออนไลน์

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า กระทรวงคมนาคมได้จัดทำแผนพัฒนาคมนาคมดิจิทัล ระยะ 5 ปี (2560-2564) โดยจะเน้นการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้เรื่องความปลอดภัยกับแก้ไขปัญหาการจราจรตลอดจน ความปลอดภัยบนท้องถนน โดยเฉพาะการติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณที่เป็นอิเล็กทรอนิกส์ เช่น เซ็นเซอร์จับความเร็วเพื่อจับปรับผู้กระทำผิด การควบคุมความเร็ว เป็นต้น รวมถึงการให้บริการระบบคมนาคมผ่านการใช้บัตรใบเดียวข้ามโหมดขนส่งได้ ภายใต้บัตรแมงมุมที่จะใช้เชื่อมต่อรถไฟฟ้าต่างระบบและรถเมล์ คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ช่วงกลางปี 2561 โดยอนาคตจะนำบัตร อีซี่พาสกับเอ็มพาสมาเชื่อมต่อกับบัตรแมงมุมด้วย

นอกจากนี้ จะพัฒนาเทคโนโลยีเพื่ออำนวยความสะดวกประชาชน โดยเฉพาะขั้นตอนการออกและต่อใบขับขี่ การต่อทะเบียน รวมถึงการเสียภาษีรถยนต์ ซึ่งในอนาคตจะขยายจุดบริการไปในห้างสรรพสินค้ามากขึ้น โดยประชาชนไม่ต้องเดินทางไปที่หน่วยงาน ควบคู่ไปกับการเพิ่มช่องทางการชำระเงินผ่านร้านสะดวกซื้ออย่าง 7-11 ตลอดจนพัฒนาการชำระและดำเนินการ ผ่านระบบออนไลน์ เป็นต้น

ด้าน นายสุเทพ  พันธุ์เพ็ง รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ กลุ่มสายงาน ปฏิบัติการและซ่อมบำรุง บริษัท รถไฟฟ้า รฟท.  กล่าวว่า ระบบโดยสารรถไฟฟ้าอย่างแอร์พอร์ตลิงค์นั้น จะนำเทคโนโลยีใหม่เข้ามาอำนวยความสะดวกให้กับ ผู้โดยสารมากยิ่งขึ้น ทั้งการใช้ระบบ ตั๋วร่วมเชื่อมต่อการเดินทางทั้งระบบ ควบคู่ไปกับโครงการจัดซื้อตู้จำหน่าย ตั๋วอัตโนมัติ (TVM) จำนวน 7 ตู้ ได้แก่ สถานีพญาไท 3 ตู้ สถานีลาดกระบัง 3 ตู้และสถานีสุวรรณภูมิ 1 ตู้ การติดตั้งระบบตั๋วร่วมตลอดจนออกโปรโมชั่น จูงใจผู้โดยสารให้หันมาใช้บัตรรถไฟฟ้าแทนการออกเหรียญแบบเดิมอีกด้วย ควบคู่ไปกับดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างเอกชนเพื่อติดตั้งระบบอินเทอร์เน็ต ไร้สาย (Wi-Fi) ในทั้ง 8 สถานี

สำหรับด้านความปลอดภัยนั้น แอร์พอร์ตลิงค์อยู่ระหว่างพัฒนาระบบบริหารจัดการข้อมูลรถไฟฟ้า ซึ่งจะ เป็นแห่งแรกของโลกเรียกว่าระบบ Realtime Riding Safety โดยติดตั้งเซ็นเซอร์จัดเก็บข้อมูลบนรถไฟทุก ขบวนและส่งข้อมูลแบบเรียลไทม์ผ่านระบบ Cloud Sourcing อาทิ ความเร็วของรถ ความสั่นและเสถียรภาพระหว่างทาง เป็นต้น

แหล่งข่าวจากกรมท่าอากาศยาน (ทย.)  เปิดเผยว่า เตรียมนำระบบเทคโนโลยีมาแก้ปัญหาความแออัดภายในสนามบินภูมิภาคทั่วประเทศ โดยมีแผนการลงทุนงานระบบติดตั้งระบบตรวจสัมภาระแบบ In-line Screening และระบบตรวจสอบวัตถุระเบิด (EDS) วงเงินรวม 8,837 ล้านบาท ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนลงทุนในงบประมาณปี 2561 โดยขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการประกวดราคา คาดว่าจะดำเนินติดตั้งระบบได้ก่อนจำนวน 3 สนามบิน ได้แก่ สนามบินกระบี่ สนามบินอุดรธานี และสนามบินสุราษฎร์ธานี ก่อนเร่งติดตั้งให้ครบทั้ง 28 สนามบินต่อไปในปี 2561-2562

นอกจากนี้ ทย.ยังมีแผนพัฒนาระบบเคาน์เตอร์เช็กอินร่วม ให้สายการบินใช้เคาน์เตอร์ร่วมกันเพื่อลดเวลา การรอคิวของผู้โดยสารอีกด้วย โดยจะนำร่องที่สนามบินกระบี่และสนามบินขอนแก่นเพราะมีปริมาณผู้โดยสารจำนวนมาก ขณะนี้อยู่ระหว่างร่างเอกสารประกวดราคา คาดว่าจะเปิดประมูลได้ในช่วงต้นปี 2561 ก่อนใช้เวลาติดตั้งระบบราว 3-4 เดือน เพื่อเปิดใช้ตามเป้าหมายช่วงปลายปี 2561