ตรึงเอฟทีงวดม.ค.-เม.ย.61

กกพ.ตรึงค่าเอฟทีงวด ม.ค.-เม.ย. 2561 ที่ 3.59 บาท/หน่วย ชี้งวดหน้าจ่อปรับราคา หลังเชื้อเพลิงขาขึ้น

นายวีระพล จิรประดิษฐกุล กรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ในฐานะโฆษก กกพ. เปิดเผยว่า กกพ.มีมติเห็นชอบให้คงค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (เอฟที) งวดเดือน ม.ค.-เม.ย. 2561 ที่ลบ 15.90 สตางค์/หน่วย เท่ากับงวดก่อนหน้าคือเดือน ก.ย.-ธ.ค. 2560 และเมื่อรวมกับค่าไฟฐานที่เรียกเก็บจากประชาชนจำนวน 3.7556 บาท/หน่วย จะทำให้ค่าไฟที่ประชาชนต้องจ่ายในงวดใหม่โดยไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่มอยู่ที่ 3.5966 บาท/หน่วย มีผล วันที่ 1 ม.ค. 2561

ทั้งนี้ หากคำนวณต้นทุนเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้า ค่าเอฟทีจะต้องเพิ่มถึง 20.25 สตางค์/หน่วย โดยมาจากก๊าซธรรมชาติที่เพิ่มขึ้น 15.42 บาท/ล้าน บีทียู น้ำมันเตาเพิ่มขึ้น 0.77 บาท/ลิตร น้ำมันดีเซลเพิ่มขึ้น 0.24 บาท/ลิตร ถ่านหินนำเข้าเฉลี่ยของโรงไฟฟ้าเอกชนเพิ่มขึ้น 163.46 บาท/ตัน

"กกพ.มีการเก็บเงินส่วนต่างจาก 3 ปัจจัย ได้แก่ ผลของอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทที่แข็งค่ากว่าที่คาดการณ์ โดยอยู่ที่ 87 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ การผลิตไฟฟ้าจากพลังน้ำที่สูงขึ้น และ โรงไฟฟ้าหงสาที่ผลิตไฟฟ้าเข้าระบบมากขึ้น ทำให้เงินมากถึง 1.25 หมื่นล้านบาท กกพ.จึงแบ่งเงินจำนวน 7,313 ล้านบาท มาตรึงค่าเอฟทีงวดเดือน ม.ค.-เม.ย. 2561 ขณะเดียวกัน กกพ.จะนำเงินส่วนที่เหลือ 5,253 ล้านบาท มาใช้ดูแลค่าเอฟทีงวดเดือน พ.ค.-ส.ค. 2561 เพื่อทำให้ค่าเอฟทีงวดถัดไปไม่เพิ่มสูงจนเกินไป โดยหากไม่มีปัจจัยใดกระทบมากนักคาดว่าเอฟทีงวดถัดไปจะเพิ่มเพียงประมาณ 1.44 สตางค์/หน่วย คิดเป็นเอฟทีสุทธิอยู่ที่ลบ 14.46 สตางค์/หน่วย" นายวีระพล กล่าว

อย่างไรก็ตาม หากนำเงินส่วนต่าง 1.25 หมื่นล้านบาท ทั้งหมดที่มีมาอุดหนุนค่าเอฟทีงวดเดือน ม.ค.-เม.ย. 2561 จะทำให้ค่าเอฟทีลดลงมากจากลบ 15.90 เป็นลบ 25.26 สตางค์/หน่วย แต่งวดถัดไปเดือน พ.ค.-ส.ค. 2561 คาดว่าค่าเอฟที มีแนวโน้มสูงขึ้น 19.49 สตางค์/หน่วย จะกลายเป็นภาระประชาชนมากเกินไป

"ต้องติดตามความเคลื่อนไหวจากอัตราแลกเปลี่ยนต้นทุนค่าเชื้อเพลิง รวมถึงฤดูกาลที่เป็นช่วงหน้าร้อนอาจทำให้งวดเดือน พ.ค.-ส.ค. 2561 มีความต้องการใช้ไฟเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจทำให้คาดการณ์เอฟทีงวดถัดไปมีโอกาสเปลี่ยนแปลงได้อีก และหากเงินบาทแข็งค่าเช่นเดียวกับงวดนี้ก็อาจตรึงค่าไฟฟ้าได้" นายวีระพล กล่าว