posttoday

จ้องเอาผิดร้านธงฟ้าประชารัฐหัวหมอ

04 พฤศจิกายน 2560

"สนธิรัตน์" สั่งตรวจร้านธงฟ้าประชารัฐตุกติก เตรียมดึงไปรษณีย์ไทยดันโชห่วยขายออนไลน์เพิ่มศักยภาพแข่งขัน

"สนธิรัตน์" สั่งตรวจร้านธงฟ้าประชารัฐตุกติก เตรียมดึงไปรษณีย์ไทยดันโชห่วยขายออนไลน์เพิ่มศักยภาพแข่งขัน

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมช.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้มอบหมายให้กรมการค้าภายในและพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ ไปตรวจสอบและทำความเข้าใจร้านธงฟ้าประชารัฐที่ขายสินค้าให้กับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเพื่อช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย หลังได้รับร้องเรียนว่ามีพฤติกรรมไม่เหมาะสม โดยนำสินค้าธงฟ้าประชารัฐมารวมชุดจำหน่ายในราคา 200-300 บาท ซึ่งเป็นการทำผิดวัตถุประสงค์ เนื่องจากต้องให้ผู้ถือบัตรสามารถซื้อสินค้าได้อย่างเสรี

นอกจากนี้ ไม่ควรปฏิเสธการรับรูดบัตรโดยอ้างคนมาใช้บริการที่ร้านจำนวนมาก หากไม่ปฏิบัติตามจะถูกพิจารณาเพิกถอนร้านธงฟ้าประชารัฐทันที

"ได้รับรายงานว่าบางร้านจัดชุดสินค้ามาวางขายในร้านราคาชุดละ 200-300 บาท ขายสินค้าเกินราคา ไม่ติดป้ายแสดงราคาสินค้า เป็นต้น จึงอยากแนะนำประชาชนผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หากพบร้านค้าใดกระทำการเอารัดเอาเปรียบค้ากำไรเกินควรร้องผ่านสายด่วน 1569 ได้ทันที" นายสนธิรัตน์ กล่าว

ทั้งนี้ ร้านธงฟ้าประชารัฐที่กระทำผิดนอกจากจะถูกถอนแล้ว หากมีการค้ากำไรเกินควรจะถูกดำเนินคดีทางกฎหมาย ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 1.4 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และร้านค้าไม่ติดป้ายแสดงราคาสินค้าจะถูกปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท

นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า ทางกรมบัญชีกลางได้ยืนยันว่าธนาคารกรุงไทยและธนาคารพาณิชย์ต่างๆ จะติดตั้งเครื่องรูดบัตรให้กับร้านธงฟ้าประชารัฐได้ครบ 1.8 หมื่นแห่ง ภายในเดือน พ.ย.นี้ ล่าสุดติดตั้งเครื่องไปแล้วเกือบ 1 หมื่นแห่ง ซึ่งกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงการคลังกำลังรวบรวมข้อมูลและข้อดีข้อเสียของโครงการนี้ รายงานต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีรับทราบได้ภายในสัปดาห์หน้า และคาดว่าการดำเนินโครงการเฟส 2 จะเพิ่มทั้งสินค้าเกษตรและบริการต่างๆ เพื่อเพิ่มทางเลือกการให้ประชาชนผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐมากขึ้น

นอกจากนี้ ได้สั่งการกรมพัฒนาธุรกิจการค้าร่วมมือกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) และบริษัท ไปรษณีย์ไทย  ดำเนินการ ยกระดับร้านค้าโชห่วยและร้านค้า ชุมชนให้เป็นร้านค้าปลีกที่สามารถ ขายสินค้าได้ทั้งทางออฟไลน์และ ออนไลน์ รวมถึงเป็นจุดศูนย์รวมแหล่งกระจายสินค้าของชุมชนและเชื่อมโยงระหว่างชุมชนได้ หรือเรียกว่าไฮบริด โชห่วย โดยจะเห็นเป็นรูปธรรมได้ภายในเดือน พ.ย.นี้ ประมาณ 100-200 ร้านค้านำร่องก่อน และมั่นใจว่าร้านที่ได้รับการพัฒนาในอนาคตจะสามารถแข่งขันกับร้านสะดวกซื้อและร้านค้าปลีกสมัยใหม่ได้แน่นอน