ชงบอร์ดทอท.ชี้ชะตาโครงการระบบขนส่งผู้โดยสารอัติโนมัติ2.89 พันล้าน

ชงบอร์ดทอท.เคาะชี้ชะตาจัดซื้อ-ติดตั้งระบบขนส่งผู้โดยสารอัติโนมัติ 2.89 พันล้าน 30 ต.ค.นี้ เล็งปรับทีโออาร์หากล้มประมูล

นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการ ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เปิดเผยว่าความคืบหน้าโครงการจัดซื้อและติดตั้งระบบขนส่งผู้โดยสารอัติโนมัติ (Automated People Mover : APM) วงเงิน 2.89 พันล้านบาทนั้นหลังจากที่ล่าสุดเอกชนผู้ร่วมแข่งขัน 2 รายนั้นเสนอวงเงินสูงกว่าราคากลางที่ตั้งไว้ 2,890 ล้านบาท ขณะนี้ทอท.อยู่ระหว่างการตรวจสอบรายการค่าใช้จ่ายของโครงการที่เอกชนทั้งสองรายเสนอมาว่ามีความเหมาะสมมากน้อยแค่ไหน

อย่างไรก็ตามคณะทำงานจะเสนอผลเจรจาและรายละเอียดค่าใช้จ่ายของโครงการเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารกิจการ(บอร์ด) ทอท. ในวันที่ 30 ต.ค. ว่าจะตัดสินใจเดินหน้าโครงการต่อหรือไม่ หากบอร์ดมองว่าราคาที่เกินมาดังกล่าวนั้นสมเหตุสมผลสามารถเดินหน้าต่อได้ก็จะได้ตัวผู้ชนะโครงการพร้อมลงนามสัญญาภายในกลางเดือนพ.ย.เพื่อก่อสร้างระบบขนส่งดังกล่าวต่อไปให้แล้วเสร็จตามแผนในปี2563 แต่ทั้งนี้ถ้าหากบอร์ดตัดสินใจล้มประมูลโครงการดังกล่าว ทอท.จะต้องไปร่างเอกสารประกวดราคา(ทีโออาร์)ใหม่เพื่อเปิดประมูลในช่วงต้นปี 2561 ซึ่งอาจรวมถึงแนวทางการปรับทีโออาร์ของโครงการอีกด้วย

“ในวันที่ร่างทีโออาร์เมื่อหลายปีก่อน การกำหนดราคากลางและรายละเอียดทีโออาร์ขณะนั้นคิดว่าเหมาะสมแล้ว แต่พอเวลาผ่านไปวัตถุดิบบางตัวอาจแพงขึ้นทำให้วงเงินค่าก่อสร้างอาจสูงขึ้นไปด้วย แต่ขั้นตอนการประมูลยังคงเดินด้วยการยึดตามรายละเอียดเดิมในเอกสาร ดังนั้นทอท.ต้องตัดสินใจอย่างรอบคอบถึงโครงการจะช้าหน่อยไม่เป็นไรขอให้เกิดความโปร่งใสเพื่อชี้แจงทุกฝ่ายได้ก็เป็นเรื่องดีเหมาะสม” นายนิตินัยกล่าว

ด้านแหล่งข่าวจากทอท.เปิดเผยว่าโครงการดังกล่าวล้มประมูลมา 2 รอบแล้วดังนั้นในครั้งนี้เมื่อเอกชนเสนอราคาสูงกว่าที่ตั้งไว้ คณะทำงานจึงต้องเร่งตรวจสอบถอดแบบประมาณราคาก่อสร้าง (BOQ) ว่าสาเหตุของราคาที่เพิ่มขึ้นเกิดมาจากอะไร หากราคากลางสูงขึ้นเพราะต้นทุนวัตถุดิบบางอย่างเพิ่มขึ้นตามราคาตลาดโลกนั้นเป็นสิ่งที่พอรับได้ เนื่องจากแม้จะล้มประมูลในครั้งนี้แล้ววัตถุดิบยังราคาเท่าเดิมการเปิดประมูลครั้งหน้าราคากลางก็จะสูงกว่าที่ตั้งไว้อยู่ดี แต่ทั้งนี้ถ้าหากเอกชนทั้งสองรายจงใจนัดกันมาบีบให้เพิ่มราคากลาง เช่นราคาเหล็กเส้น 100 บาทแต่มาโขกเงินขอเพิ่มราคาเป็น 150 บาท นั้นเป็นสิ่งที่ทอท.รับไม่ได้เพราะเกินกว่าความเป็นจริง หากเป็นแบบนั้นบอร์ดทอท.คงต้องตัดสินใจล้มประมูลและปรับทีโออาร์โดยเฉพาะเงื่อนไขที่ระบุว่าเอกชนผู้ยื่นประมูลต้องมีประสบการณ์รับงานก่อสร้างในพื้นที่ทางการบิน (Airside) ดังนั้นถ้าหากสามารถปลดล็อคเงื่อนไขดังกล่าวได้จะเป็นการเปิดทางให้เอกชนรายอื่นสามารถเข้าร่วมแข่งขันในการประมูลครั้งหน้าได้มากยิ่งขึ้น

รายงานข่าวกระทรวงคมนาคมระบุว่า โครงการดังกล่าวมีผู้เข้าประมูล 2 รายได้แก่ กิจการร่วมค้า IRTI ซึ่งประกอบด้วย บมจ.อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น (ILINK) บริษัท เรืองณรงค์ จำกัด บริษัท ที.อี.ซี.อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด และท่าอากาศยานอินชอน เป็นผู้เสนอราคาต่ำสุดประมาณ 3,070 ล้านบาท ขณะที่เอกชนอีกเจ้าอย่าง บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) หรือ ITD นั้นเสนอราคาเป็นอับดับ 2 ราว 3,150 ล้านบาท