ผลสำรวจราคาอาหารเจพุ่งดันยอดสะพัด4.5หมื่นล้าน

มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย คาดเงินสะพัดช่วงเทศกาลกินเจปีนี้ 4.5 หมื่นล้าน ขยายตัว 2.5% สะท้อนประชาชนระวังใช้จ่าย

นางอุมากมล สุนทรสุรัติ ผู้ช่วยผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยผลสำรวจพฤติกรรมการใช้จ่ายของประชาชนในช่วงเทศกาลกินเจปี 2560 จากกลุ่มตัวอย่าง 1,177 คนทั่วประเทศ พบว่า ในช่วงเทศกาลกินเจปีนี้จะมีเงินสะพัดกว่า 45,081 ล้านบาท ขยายตัวจากปีก่อน 2.5% เนื่องจากราคาอาหารเจและวัตถุดิบที่ทำอาหารเจสูงขึ้น โดยกลุ่มตัวอย่าง 36.5% จะกินเจในช่วงเทศกาลเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่ในหลวงรัชกาลที่ 9 และตั้งใจทำบุญ รวมถึงกินเจเป็นประจำอยู่แล้ว ขณะที่อีก 63.5% ตอบว่าไม่กิน เนื่องจากอาหารเจแพง ที่บ้านไม่มีใครกิน และมองว่าเศรษฐกิจยังไม่ดี

สำหรับค่าใช้จ่ายโดยรวมปีนี้ ส่วนใหญ่ 53.9% ตอบว่ามีการซื้อของกินของใช้สำหรับกินเจในปริมาณที่เพิ่มมากขึ้นจากปีก่อน โดยเฉพาะพวกผักและ ผลไม้ ขณะที่ส่วนใหญ่ 60% ตอบว่า มูลค่าโดยรวมที่ใช้ในการกินเจมากกว่าปีก่อน ใช้ในการทำบุญเพิ่มมากขึ้น โดยค่าใช้จ่ายในช่วงเทศกาลกินเจจะเฉลี่ยอยู่ที่ 10,245 บาท/คน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีค่าใช้จ่ายเฉลี่ย 9,700.30 บาท/คน

ทั้งนี้ แหล่งที่มาของเงินที่นำมาใช้จ่ายช่วงกินเจปีนี้ ส่วนใหญ่ 76.1% มาจากรายได้ประจำ รองลงมา 12.9% มาจากเงินออม 9.6% มาจากรายได้พิเศษ 1.4% มาจากเงินช่วยเหลือจากภาครัฐ และ 0.1% มาจากการกู้ยืม

นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า เม็ดเงินที่สะพัดในช่วงเทศกาลกินเจปีนี้ที่คาดว่าจะอยู่ที่ 4.5 หมื่นล้านบาท แม้ว่าจะเป็นเม็ดเงินที่สูงสุดตั้งแต่ทำการสำรวจมาในปี 2551 แต่หากมองในด้านของการขยายตัวที่อยู่ 2.5% นั้น ถือว่าขยายตัวต่ำกว่าอัตราการขยายตัวในปีก่อนที่ขยายตัวถึง 4.2% สะท้อนให้เห็นว่าคนยังระมัดระวังการจับจ่ายใช้สอยอยู่ เพราะข้าวของมีราคาแพงขึ้น ทำให้เห็นว่าเศรษฐกิจไทยเริ่มมีการฟื้นตัวแต่เปราะบาง ไม่โดดเด่น

"หวังว่าการใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่จะมีเงินโอนไปยังผู้มีรายได้น้อยวงเงิน 3,000-4,000 ล้านบาท/เดือนนั้น จะมาช่วยหนุนกำลังซื้อในช่วง เดือน ต.ค.-ธ.ค.นี้ได้ระดับหนึ่ง" นายธนวรรธน์ กล่าว