posttoday

ครม.จี้เปิดใช้บัตรตั๋วร่วมนำร่องรถเมล์เริ่มต.ค.นี้

30 สิงหาคม 2560

ครม.ไฟเขียวตั้งบริษัทตั๋วร่วมพร้อมสั่งเร่งดำเนินการ ประเดิมเริ่มใช้ระยะแรก ต.ค.นี้

ครม.ไฟเขียวตั้งบริษัทตั๋วร่วมพร้อมสั่งเร่งดำเนินการ ประเดิมเริ่มใช้ระยะแรก ต.ค.นี้

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบแนวทางการดำเนินงานบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม ปี 2560-2561 พร้อมให้เร่งดำเนินการ โดยเฉพาะการจัดตั้งบริษัทจัดการและบำรุงรักษาระบบตั๋วร่วม (CTC) เพื่อ ทำหน้าที่บริหารจัดการรายได้บำรุงรักษาและกำหนดแนวทางดำเนินธุรกิจ ให้แล้วเสร็จภายในเดือน ส.ค.นี้ โดยระยะแรกให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) รับผิดชอบก่อน หลังจากนั้นต้องจัดตั้งบริษัทอย่างเป็นทางการที่มีเอกชนผู้ให้บริการทุกรายเข้าร่วมถือหุ้นภายในเดือน ก.ค. 2561 ขณะที่การพัฒนาระบบศูนย์บริหารจัดการรายได้กลาง (CCH) ปัจจุบัน สามารถพัฒนาแอพพลิเคชั่นและติดตั้งระบบบริหารรายได้กลางรวมถึงจัดแผนนำร่องเรียบร้อยแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการเชื่อมต่อระบบคิดค่าโดยสารของ ผู้ประกอบการแต่ละราย

ทั้งนี้ ในเดือน ต.ค. 2560 จะเริ่มเชื่อมต่อตั๋วร่วมในรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงค์เป็นรายแรกภายในกลางปี 2561 จากนั้นจะเป็นรถไฟฟ้าสายสีม่วง (บางใหญ่-เตาปูน) และรถเมล์ ขสมก. จำนวน 800 คัน ร่วมกับการเร่งติดตั้งระบบในรถไฟฟ้าอีก 2 สาย คือ รถไฟฟ้าสายสีเขียว (หมอชิต-แบริ่ง) และรถไฟฟ้าใต้ดินสายสีน้ำเงิน (บางซื่อหัวลำโพง) ส่วนด้านร้านสะดวกซื้อที่อยู่นอกภาคธุรกิจขนส่งได้เจรจากับเครือเซ็นทรัลและเครือซีพี เพื่อให้สามารถใช้ตั๋วร่วมเพื่อชำระสินค้าในร้านสะดวกซื้ออย่างเซเว่นอีเลฟเว่น รวมถึงห้างสรรพสินค้าและชำระเงินผ่านบริการเคาน์เตอร์เซอร์วิสอีกด้วย

นายวีระพงศ์ วงศ์แหวน ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (สร.ขสมก.) กล่าวว่า ได้เร่งรัดให้นายณัฐชาติ จารุจินดา ประธานบอร์ด ขสมก.ไปดำเนินการเร่งรัดหนี้สินที่รถร่วมบริการ ขสมก.ให้จ่ายหนี้สินที่ติดค้างอยู่กับองค์กร ประมาณ 800 ล้านบาท โดยให้ตั้งทีมฝ่ายกฎหมายเพื่อเร่งรัดหนี้สินและดำเนินการทางกฎหมาย นอกจากนี้ต้องการให้ ขสมก.ดำเนินการตัดสิทธิบริษัทรถร่วมที่ต้องการเข้าประมูลเส้นทางปฏิรูปจำนวน 269 เส้นทาง หากไม่จ่ายหนี้สินที่ติดค้างกับองค์กรเพราะถือว่าเป็นผู้ประกอบการที่ไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอจะบริการประชาชน

ขณะเดียวกัน ควรแก้ไขเรื่องทุจริตภายในองค์กรโดยเฉพาะประเด็นด้านผลประโยชน์ทับซ้อนของระดับผู้บริหารที่บางรายอาจเป็นเจ้าของเส้นทางรถร่วมฯ ขสมก.จนนำไปสู่ปัญหาได้