posttoday

ขยายเวลาพำนักในไทยสำหรับผู้เข้ามารักษาพยาบาล-อาศัยระยะยาว

12 กรกฎาคม 2560

รัฐบาลขยายเวลาพำนักในประเทศไทยสำหรับชาวต่างชาติที่เข้ามารักษาพยาบาลและกลุ่มเข้ามาอาศัยระยะยาว

รัฐบาลขยายเวลาพำนักในประเทศไทยสำหรับชาวต่างชาติที่เข้ามารักษาพยาบาลและกลุ่มเข้ามาอาศัยระยะยาว

เมื่อวันที่ 12 ก.ค.พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี และ พล.ร.อ. ณรงค์ พิพัฒนาศัย รองนายกรัฐมนตรี ร่วมกันเป็นประธานในพิธีแถลงข่าวเรื่อง "การขยายเวลาพำนักในราชอาณาจักรไทยรวม 90 วัน สำหรับผู้ป่วยและผู้ติดตาม กรณีเดินทางเข้ามารับการรักษาพยาบาลในกลุ่มประเทศ CLMV และสาธารณรัฐประชาชนจีน และการขยายระยะเวลาพำนักในราชอาณาจักรไทยสำหรับกลุ่มพำนักระยะยาว (Long Stay Visa) ณ ห้องแถลงข่าว ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล โดยมีรมว.การท่องเที่ยวและกีฬา และรมว.สาธารณสุข เข้าร่วมในพิธีแถลงข่าว

พล.อ.ธนะศักดิ์  กล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการส่งเสริมนโยบายการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ เพื่อพัฒนาและส่งเสริมประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางด้าน Medical & Wellness Tourism ตลอดจนผลักดันให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางสุขภาพระดับโลก โดยการพัฒนาศักยภาพของสถานบริการสุขภาพทุกระดับและสถานประกอบการเพื่อสุขภาพให้ได้คุณภาพและมีมาตรฐาน

ทั้งนี้ การขยายเวลาพำนักในราชอาณาจักรไทยของทั้งสองกรณี จะช่วยอำนวยความสะดวกแก่ชาวต่างชาติที่เป็นกลุ่มเป้าหมายให้เดินทางเข้ามารับการรักษาพยาบาลในไทยเพิ่มมากขึ้น

พล.ร.อ.ณรงค์ กล่าวว่า จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาเข้ารับการรักษาพยาบาลในไทยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะการบริการเพื่อสุขภาพของไทยมีมาตรฐานระดับสากล ใช้เทคโนโลยีทันสมัย ตลอดจนบุคลากรมีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง อย่างไรก็ดี ชาวต่างชาติที่ต้องการเข้ารับบริการด้านสุขภาพในไทยยังคงประสบกับอุปสรรคต่าง ๆ  เช่น  ระยะเวลาพำนักในไทย และการขอตรวจลงตรา รัฐบาลจึงได้อำนวยความสะดวกในการเข้ารับการรักษาพยาบาลในสถานพยาบาลภาคเอกชน โดยเริ่มให้สิทธิกับชาวต่าวชาติจากกลุ่มประเทศ CLMV และจีน เป็นกลุ่มที่สองต่อจากกลุ่มประเทศอ่าวอาหรับ (GCC) ให้สามารถพำนักในไทยรวม 90 วัน สำหรับผู้ป่วยและผู้ติดตาม

นอกจากนี้ รัฐบาลยังขยายระยะเวลาพำนักระยะยาว (Long Stay Visa) เป็นเวลา 10 ปี โดยจะได้รับวีซ่าครั้งแรก 5 ปี และสามารถต่ออายุวีซ่าได้อีก 5 ปี ให้แก่ชาวต่างชาติจาก 14 ประเทศ ซึ่งทั้งสองมาตรการจะช่วยส่งเสริมให้การเป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ (Medical Hub) ของประเทศไทยได้รับการยอมรับจากนานาประเทศมากยิ่งขึ้น

ในโอกาสนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ร่วมแสดงความมุ่งมั่นของรัฐบาลในการพัฒนาศักยภาพการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพไทยให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพื่อรองรับผู้เข้ารับบริการทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ พร้อมทั้งร่วมแสดงความยินดีที่ทุกภาคส่วนได้มีการบูรณาการทำงานร่วมกันในการผลักดันนโยบาย Medical Hub จนเกิดผลสำเร็จเป็นรูปธรรม