posttoday

บขส.แนะรัฐศึกษาผลกระทบรอบด้านปมย้าย "หมอชิต"

03 กรกฎาคม 2560

ประธานบอร์ด บขส.แนะรัฐบาลทบทวนแผนย้ายหมอชิต ชี้ควรศึกษาผลกระทบให้รอบด้าน ย้ำบขส.ลงทุนงานก่อสร้างสถานีใหม่

ประธานบอร์ด บขส.แนะรัฐบาลทบทวนแผนย้ายหมอชิต ชี้ควรศึกษาผลกระทบให้รอบด้าน  ย้ำบขส.ลงทุนงานก่อสร้างสถานีใหม่

ดร.อนุสรณ์ แสงนิ่มนวล ประธานบอร์ด บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.)เปิดเผยว่า ความคืบหน้าด้านการย้ายสถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพฯ (จตุจักร) กลับไปยัง สถานีหมอชิตเก่า ซึ่งมีพื้นที่ประมาณ 100,000 ตารางเมตร ตามนโยบายของกระทรวงคมนาคมนั้นทางบขส. ไม่ขัดข้อง เนื่องจากผู้โดยสารสามารถเดินทางมาที่สถานีหมอชิตเก่าได้หลายช่องทาง ไม่ว่าจะใช้รถไฟฟ้าสายสีเขียว รถโดยสารประจำทาง รถแท็กซี่ หรือรถส่วนตัว

อย่างไรก็ตาม บขส. ต้องการให้ กระทรวงคมนาคม ได้ศึกษาผลกระทบให้รอบด้าน มีการจัดพื้นที่ให้เพียงพอรองรับปริมาณรถโดยสารในอนาคต และให้ความสำคัญกับการเดินทางของผู้โดยสาร ไม่ก่อให้เกิดปัญหาการจราจรติดขัดหรือวิกฤต ต้องก่อสร้างทางเชื่อม (Ramp) เข้า-ออก ไปสู่ถนนวิภาวดีโดยตรง ซึ่ง บขส. จะไม่เป็นผู้ลงทุนด้านโครงสร้างหลักต่าง ๆ แต่จะลงทุนเฉพาะการพัฒนาระบบการเดินรถ และระบบบริหารสถานี ให้มีความทันสมัย มุ่งสู่สมาร์ทสเตชั่น เช่น สถานีชินจูกุ ในประเทศญี่ปุ่น

ทั้งนี้เพื่อให้ผู้โดยสารได้รับบริการที่ทันสมัย สะดวกสบาย และเป็นมาตรฐานสากล นอกจากนี้ คณะกรรมการบริษัทฯ มีมติให้ก่อสร้างสถานีบริการขนส่งสาธารณะขนาดเล็ก (บริเวณพื้นที่ใต้ทางด่วน) เพื่อใช้เป็นพื้นที่ให้บริการรถตู้โดยสารสาธารณะ ตามนโยบายการจัดระเบียบรถตู้โดยสารสาธารณะ ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จภายในสิ้นปี 2560

จากกรณีที่ ตามข่าว นายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ เรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เปลี่ยนตัวประธาน บริษัทขนส่ง จำกัด (บขส.) หลังตั้งข้อสังเกต กระบวนการสรรหามีความผิดปกติ จนเป็นเหตุให้สรรหาไม่สำเร็จถึง 3 ครั้ง ตั้งแต่ปี 2558 แต่ระหว่างการสรรหาครั้งที่ 4 นั้นกลับส่งรายชื่อถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมทันทีโดยไม่ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการบริหารกิจการ(บอร์ด)ตามหลักปฏิบัติ และเมื่อนำรายชื่อดังกล่าวเข้าบอร์ด พบว่า รายชื่อไม่ตรงกับคุณสมบัติ ซึ่งมีคณะกรรมการสรรหา คัดค้านถึง 3 ครั้ง แต่ในครั้งที่ 3 นี้ มีกรรมการสรรหา ลาออก ถึง 2 คน

ดร.อนุสรณ์ กล่าวว่า  การที่บอร์ดมีมติเห็นชอบแต่งตั้งให้ นายจิรศักดิ์ เยาว์วัชสกุล ขึ้นดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่นั้นมีความโปร่งใสเป็นไปตามขั้นตอน ตามแนวทางที่กระทรวงการคลังกำหนด โดยหลังจากนี้จะประเมินผลการทำงาน ในช่วง 4 เดือนแรก หากผลงานไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ บขส.จะดำเนินการตามกติกาคือสั่งให้มีผลสิ้นสุดสัญญาจ้าง แต่หากมีผลงานผ่านหลักเกณฑ์การประเมินก็ยังต้องถูกประเมินในทุก 6 เดือนต่อไป

สำหรับกระบวนการสรรหากรรมการผู้จัดการใหญ่ บขส. ที่ผ่านมา มีความล่าช้าเกิดขึ้น เนื่องจาก คณะกรรมการสรรหาฯ  มีจำนวนไม่ครบ 5 คน ตามพระราชบัญญัติคุณสมบัติมาตรฐานสำหรับกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ พ.ศ.2518 และที่แก้ไขเพิ่มเติม กำหนดไว้ เนื่องจากมีการลาออก หมดวาระ ของกรรมการหลายท่าน จึงต้องรอการแต่งตั้งคณะกรรมการบริษัทฯ เข้ามาใหม่ เมื่อได้รับการแต่งตั้งมาครบ จึงได้ดำเนินการสรรหาในทันที และคณะกรรมการสรรหาฯ ได้พิจารณาเห็นว่าควรปรับปรุงคุณสมบัติผู้สมัคร เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้บริหารจากหน่วยงานภาครัฐ และเอกชน สามารถสมัครเข้าแข่งขันได้มากขึ้น เพื่อมีโอกาสได้เลือกคนเก่งและดี เข้ามาพัฒนา บขส. ซึ่งอยู่ในภาวะที่มีการแข่งขันสูงกับสายการบินต้นทุนต่ำและรถร่วม ผู้โดยสารและรายได้ลดลงมาก การพิจารณาปรับปรุงคุณสมบัติจึงเป็นดุลยพินิจของคณะกรรมการสรรหาฯ ที่สามารถดำเนินการได้ตามกฎหมาย ไม่มีการเอื้อประโยชน์ใดๆ ต่อผู้สมัคร และการสรรหาทุกรอบคณะกรรมการสรรหาฯ ให้ความยุติธรรมกับผู้สมัครอย่างเท่าเทียมกัน  อีกทั้งการประกาศรับสมัครได้มีการกำหนดคุณสมบัติ ผ่านสื่อต่างๆ ล่วงหน้า และเปิดเผย