posttoday

ปปท.สอบทุจริตเก็บข้าวในคลังสินค้าคืบหน้า70%

30 มิถุนายน 2560

"ป.ป.ท."ลุยสอบทุจริตการเก็บรักษาข้าวในคลังสินค้าเผยคดีมีความคืบหน้าร้อยละ70 อคส.สั่งย้ายเจ้าหน้าที่ต้องสงสัยว่ามีเอี่ยวส่งปปง.ร่วมตรวจสอบเส้นทางการเงิน

"ป.ป.ท."ลุยสอบทุจริตการเก็บรักษาข้าวในคลังสินค้าเผยคดีมีความคืบหน้าร้อยละ70 อคส.สั่งย้ายเจ้าหน้าที่ต้องสงสัยว่ามีเอี่ยวส่งปปง.ร่วมตรวจสอบเส้นทางการเงิน

เมื่อวันที่ 30 มิ.ย.นายประยงค์ ปรียาจิตต์ เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท. ได้มอบหมาย พ.ท.กรทิพย์ ดาโรจน์ รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท. ประธานอนุกรรมการกำกับและประสานการดำเนินงานอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงคดีทุจริตการเก็บรักษาข้าวในคลังสินค้า พร้อมด้วย คณะเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องมาติดตามความคืบหน้าการดำเนินคดีทุจริตการเก็บรักษาข้าวในคลังสินค้า ของสำนักงาน ป.ป.ท. เขตพื้นที่ 7 ซึ่งวันนี้ได้มีการเชิญผู้ถูกกล่าวหามารับทราบข้อกล่าวหา จำนวน 5 คดี

สำนักงาน ป.ป.ท. ได้รับสำนวนการสอบสวนคดีทุจริตการเก็บรักษาข้าวในคลังสินค้าที่ส่งมาจากพนักงานสอบสวนในพื้นที่ต่างๆ รวม 36 จังหวัด และคณะกรรมการ ป.ป.ท. ได้มีมติให้ดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริงจำนวน 990 คดี รวมมูลค่าความเสียหาย 147,259,065,108.79 บาท รวมปริมาณข้าวได้รับความเสียหาย 41,551,117.52 ตัน สรุปได้ ดังนี้

1.องค์การคลังสินค้า (อคส.) จำนวน 720 คดี มูลค่าความเสียหาย 119,985,921,640.27 บาท มีปริมาณข้าวได้รับความเสียหาย จำนวน 39,108,092.82 ตัน
และ2.องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) จำนวน 270 คดี มูลค่าความเสียหาย27,273,143,468.52 บาท มีปริมาณข้าวได้รับความเสียหาย จำนวน 2,443,024.70 ตัน

ทั้งนี้ มีจำนวนผู้ถูกกล่าวหาที่เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ รวมจำนวน 139 คน เป็น อคส. จำนวน 93 คน และ อ.ต.ก. จำนวน 46 คน

การดำเนินคดีได้เริ่มดำเนินการ ตั้งแต่ปลายเดือน ม.ค.2560 เป็นต้นมา โดยคณะอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริง ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่ของสำนักงาน ป.ป.ท. และเจ้าหน้าที่ตำรวจของ สตช. ร่วมกันดำเนินการ  มีภาพรวมความคืบหน้าของการดำเนินคดีในแต่ละคดีประมาณร้อยละ 70 โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการแจ้งให้ผู้ถูกกล่าวหามารับทราบข้อกล่าวหา จำนวน 211 คดี และตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2560 เป็นต้นไป คณะอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงจะเริ่มเสนอรายงานการไต่สวนข้อเท็จจริงที่ดำเนินการเสร็จสิ้น ต่อคณะกรรมการ ป.ป.ท. เพื่อพิจารณาชี้มูลความผิดต่อไป ซึ่งเมื่อคณะกรรมการป.ป.ท. ชี้มูลความผิดแล้ว เมื่อมีมูลความผิดทางอาญาจะส่งพนักงานอัยการเพื่อพิจารณาฟ้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางหรือภาคต่างๆ ต่อไป และกรณีที่เป็นความผิดทางวินัยก็จะส่งเรื่องนี้ให้ผู้บังคับบัญชาลงโทษทางวินัยด้วย

ในการดำเนินการมาตรการทางวินัย และมาตรการทางปกครอง ตามคำสั่ง คสช.ที่ 69/2557 นั้น สำนักงาน ป.ป.ท. ได้แจ้งเรื่องไปยัง อคส. และ อ.ก.ต. ให้พิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่แล้ว และขณะนี้ อคส. ได้ดำเนินการทางปกครองปรับย้ายเจ้าหน้าที่ที่เป็นผู้ถูกกล่าวหาเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ประจำ อคส. ด้วยแล้ว ทั้งนี้ ได้มีการส่งเรื่องให้ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินดำเนินการตามอำนาจหน้าที่อีกทางหนึ่งด้วย