posttoday

รถเมล์ไฟฟ้าสะดุด! หลังราคากลางเพิ่มทะลุ 3พันล้านบาท

29 มิถุนายน 2560

รถเมล์ไฟฟ้าสะดุดหลังราคากลางพุ่ลทะลุ 3 พันล้านบาท ขสมก.รีบเบรกหวั่นเจ๊ง ชงบอร์ดใหม่ตัดสินชะตา ยันขึ้นราคารถเมล์แน่

รถเมล์ไฟฟ้าสะดุดหลังราคากลางพุ่ลทะลุ 3 พันล้านบาท ขสมก.รีบเบรกหวั่นเจ๊ง ชงบอร์ดใหม่ตัดสินชะตา ยันขึ้นราคารถเมล์แน่

นายสมศักดิ์ ห่มม่วง รองปลัดกระทรวงคมนาคม ในฐานะรักษาการผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ(ขสมก.) เปิดเผยว่า ความคืบหน้าโครงการจัดซื้อรถโดยสารไฟฟ้า200  คัน  วงเงิน 2,702 ล้านบาท ขณะนี้ต้องล่าช้าออกไปอย่างไม่มีกำหนด หลังจากติดปัญหาด้านราคากลางที่มีการเปลี่ยนแปลงไปจากราคาเดิมที่ประกาศไว้ในทีโออาร์ เนื่องจาก กรมศุลกากรได้แจ้งกลับมายังขสมก. ว่าไม่สามารถปรับลดภาษีนำเข้า ได้ เพราะอาจจะเข้าข่ายเลือกปฏิบัติต่อหน่วยงานอื่นๆ หากลดภาษีให้ ขสมก. เพียงรายเดียว ส่งผลให้ราคากลางจัดซื้อตัวรถปรับสูงขึ้นอีกคันละ 5 ล้านบาท คือปรับจากคันละ 10 ล้านบาทเป็น 15 ล้านบาท กระทบทำให้ราคากลางจัดซื้อรถ จำนวน 200 คัน ปรับเพิ่มขึ้นอีก 1,000 บาท คือปรับ จาก 2,000 ล้านบาท เป็น 3,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ส่งผลกระทบทำให้วงเงินราคากลางจัดซื้อโครงการภาพรวมเพิ่มขึ้นจาก 2,702บาท เป็น 3,702 ล้านบาท จนอาจทำให้การนำโครงการเสนอให้บอร์ดชุดปัจจุบันซึ่งจะหมดวาระในวันที่ 20 ก.ค.นี้พิจารณาอนุมัติไม่ทันและต้องรอบอร์ดที่แต่งตั้งมาชุดใหม่เพื่อพิจารณาแทน

"ขณะนี้ราคากลางกลางโครงการภาพรวมมีการเปลี่ยนแปลง ดังนั้น ขสมก. ต้องมีการพิจารณาทีโออาร์กันใหม่ เพราะรถจะแพงขึ้นมาคันละ 5 ล้านบาท ซึ่งในความเห็นส่วนตัวผมว่ามองว่าถ้าเราจะซื้อที่คันละ15 ล้านบาท อาจจะไม่คุ้ม ขสมก. อาจจะกลายเป็นหนูทดลองยาเพราะเราเป็นผู้รถจำนวนมากซื้อรายแรกในประเทศ รวมทั้งยังต้องมีการลงทุนสร้างสถานีชาร์ตไฟ และอู่จอดรถอีก หากทำไปแล้วไม่รอดก็ยิ่งทำให้ขสมก.ขาดทุนไปกันใหญ่ ดังนั้นต้องรอให้บอร์ดชุดปัจจุบันซึ่งบอร์ดจะหมดวาระวันที่ 20 ก.ค. พิจารณาตัดสินอีกครั้ง หากพิจารณาไม่ทัน ก็ อาจจะต้องรอให้บอร์ดชุดใหม่พิจารณาว่าจะซื้อหรือไม่อย่างไร"นายสมศักดิ์กล่าว

นายสมศักดิ์กล่าวว่า สำหรับประเด็นด้านกรมศุลกากรนั้นหาก ขสมก.ต้องการที่จะใช้สิทธิ์ในการลดภาษีนำเข้า ผู้ผลิตไทยจะต้องตั้งโรงงานใหม่ในประเทศไทยเพื่อขอรับสิทธิ์ แต่คงดำเนินการไม่ทันกับโครงการจัดซื้อรถของขสมก. เพราะการจัดตั้งโรงงานจะต้องใช้เวลาอย่างต่ำ 2 ปี

อย่างไรก็ตามแผนการพิจารณาปรับขึ้นค่าโดยสารรถเมล์ ขสมก.นั้น คาดว่าจะต้องปรับขึ้นแน่นอน เพื่อให้สอดรับกับต้นทุนที่แท้จริง ขณะนี้ อยู่ระหว่างรอผลการศึกษาต้นทุนและการคิดผลตอบแทนจากค่าโดยสารที่เหมาะสม รวมทั้งการจัดสรรเส้นทางเดินรถ จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คาดว่าจะแล้วเสร็จใน เดือนก.ค.นี้ แต่ถ้าหากรัฐบาลกังวลว่าการขึ้นค่าโดยสารจะส่งผลกระทบต่อประชาชนผุ้ใช้บริการ ขสมก.ก็ยินดีที่จะไม่ปรับขึ้นราคา แต่รัฐบาลจะต้องจัดสรรเงินอุดหนุนบริการสาธารณะของรัฐวิสาหกิจ (PSO) ให้กับขสมก. เหมือนกับโครงการรถเมล์ฟรี   เนื่องจากปัจจุบัน ขสมก. มีฐานะเป็นผู้ประกอบการเดินรถที่จะต้องเร่งปรับตัวให้สามารถแข่งขันเดินรถกับ ผู้ประกอบการเอกชนรายอื่นๆได้

ด้านนายประยูร ช่วยแก้ว รองผอ.ขสมก.กล่าวว่า ขณะนี้ ขสมก.ได้เสนอให้กระทรวงคมนาคม พิจารณา ข้อเสนอเกี่ยวกับ การขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรี(ครม.) ในปี 2548 จากเดิมที่กำหนดให้จัดซื้อรถเมล์เอ็นจีวี 3,183 คัน วงเงิน 13,000 ล้านบาท ปรับมาเป็นการจัดซื้อรถเมล์ไฟฟ้า หรือ อีวี จำนวน 200 คัน เพื่อเปิดทางให้ ขสมก.จัดซื้อรถเมล์ไฟฟ้าได้ หากกระทรวงเห็นชอบจะต้องนำเสนอเรื่องให้คณะรัฐมนตรี(ครม.)พิจารณาอุมัติต่อไป เพื่อนำไปสู่ขั้นตอนการเปิดประมูลต่อไป