posttoday

รัฐชนะคดีค่าโง่ทางด่วน ไม่ต้องจ่าย 9.6พันล้านบาท

29 มิถุนายน 2560

โฆษกอัยการสูงสุดเผย รัฐชนะคดีโครงการทางด่วน บางนา-บางพลี-บางปะกง ไม่ต้องจ่ายค่าโง่กว่า 9.6 พันล้านบาท

โฆษกอัยการสูงสุดเผย รัฐชนะคดีโครงการทางด่วน บางนา-บางพลี-บางปะกง ไม่ต้องจ่ายค่าโง่กว่า 9.6 พันล้านบาท

เมื่อวันที่ 29 มิ.ย. ร.ท.สมนึก เสียงก้อง โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด แถลงข่าวกรณีพนักงานอัยการสำนักงานคดีแพ่งแก้ต่างสู้คดีให้ การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ถูกกิจการร่วมค้าบีบีซีดี คู่สัญญาสัมปทานก่อสร้างทางด่วนสายบางนา-บางพลี–บางปะกง ยื่นฟ้องเรียกเงินจำนวน 9,683 ล้านบาทเศษ หรือกรณีค่าโง่ทางด่วนว่า  เมื่อวันที่ 22 มิถุนายนที่ผ่านมา ศาลแพ่งได้อ่านคำพิพากษาศาลฎีกาหมายเลขดำที่ 1190/2560 ที่กิจการร่วมค้าบีบีซีดี ได้เป็นโจทก์ยื่นฟ้องกทพ.เป็นจำเลยต่อศาลแพ่งที่เป็นศาลชั้นต้นในคดีหมายเลขดำที่ 721/2551 เรื่องมูลลาภมิควรได้ จำนวนทุนทรัพย์ 9,683,686,389.76 บาท โดยศาลฎีกาได้พิพากษายกฟ้อง เท่ากับ กทพ.จำเลย ชนะคดี

ร.ท.สมนึก กล่าวว่า เมื่อปี 2538 กทพ. จำเลย ได้ว่าจ้างกิจการ ร่วมค้าบีบีซีดี โจทก์ และบริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) ก่อสร้างโครงการทางด่วนสายบางนา - บางพลี – บางปะกง วงเงินตามสัญญา 25,192,950,000 บาท โดยได้ก่อสร้างจนเสร็จสิ้น และ กทพ.ได้ชำระค่าก่อสร้างตามสัญญาแล้ว แต่ต่อมาปี 2543 กิจการร่วมค้าบีบีซีดี โจทก์ และ บมจ. ช.การช่างได้ให้ กทพ.จำเลย ชำระเงินค่าคงที่ ที่เพิ่มขึ้นจากสัญญาอีกจำนวน 6,039,893,254 บาท แต่ กทพ.ปฏิเสธ

ต่อมากิจการร่วมค้าบีบีซีดี โจทก์คดีนี้ กับ บมจ. ช.การช่าง จึงได้ยื่นข้อเรียกร้องดังกล่าวให้อนุญาโตตุลาการวินิจฉัย ต่อมาวันที่ 20 ก.ย.2544 อนุญาโตตุลาการได้ชี้ขาดให้ กทพ.ชำระเงินจำนวนดังกล่าว พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปีนับแต่วันที่ 15 ม.ค.2543 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ ซึ่ง กทพ.ได้ปฏิเสธคำชี้ขาดดังกล่าวตามมติคณะรัฐมนตรี ต่อมาเมื่อวันที่ 1 พ.ค.2545 กิจการร่วมค้าบีบีซีดี กับบมจ. ช.การช่าง ได้ยื่นคำร้องต่อศาลแพ่งกรุงเทพใต้ ให้พิพากษาบังคับตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการ ซึ่งศาลแพ่งกรุงเทพใต้ ได้พิพากษาให้ฝ่ายกิจการร่วมค้าบีบีซีดี ชนะคดีและบังคับให้เป็นไปตามคำวินิจฉัยของ อนุญาตโตตุลาการ โดยพนักงานอัยการ ได้ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลแพ่งกรุงเทพใต้ดังกล่าว ไปยังศาลฎีกาตามขั้นตอนของกฎหมาย

ต่อมาศาลฎีกา จึงมีคำพิพากษาที่ 7277/2549 ให้ กทพ.ชนะคดี ไม่ต้องจ่ายเงินค่าคงที่ที่เพิ่มขึ้นจากสัญญาอีกจำนวน 6,039,893,254 บาทให้กับโจทก์ โดยศาลฎีกาวินิจฉัยว่าการทำสัญญาจ้างเหมาออกแบบรวมก่อสร้างทางด่วนนั้น เกิดจากการกระทำโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายอันเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน จึงไม่มีผลผูกพัน กทพ. หากบังคับคดีให้ปฏิบัติตามคำวินิจฉัยชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการนั้น ย่อมเป็นการขัดต่อความสงบเรียบร้อย ของประชาชน

โดยหลังจากกิจการร่วมค้าบีบีซีดี แพ้คดีดังกล่าวแล้ว เมื่อวันที่ 11 ก.พ.2551 กิจการร่วมค้าบีบีซีดี ก็ได้ยื่นฟ้อง กทพ. เป็นคดีใหม่ต่อศาลแพ่งในคดีหมายเลขดำที่ 72/2551 ในมูลคดีลาภมิควรได้ทุนทรัพย์ 9,683,686,389.76 บาท โดยศาลแพ่งที่เป็นศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 15 ก.ย.2554 ให้ กทพ.แพ้คดี ให้ชำระเงินจำนวน 5,000 ล้านบาทพร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปีนับแต่วันที่ 15 ก.พ.2550 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ ให้แก่กิจการร่วมค้าบีบีซีดี โจทก์ และให้ กทพ.ชำระค่าฤชาธรรมเนียมพร้อมค่าทนาย แทนกิจการร่วมค้าบีบีซีดี โจทก์อีกด้วยจำนวน 300,000 บาท

โดยพนักงานอัยการสำนักงานคดีแพ่ง ก็ได้ยื่นอุทธรณ์ให้กับ กทพ. คัดค้านคำพิพากษาศาลแพ่งดังกล่าว และต่อมาในวันที่ 27 ธ.ค.2556 ศาลอุทธรณ์ได้พิพากษากลับยกฟ้อง โดยกิจการร่วมค้าบีบีซีดี โจทก์ ได้ยื่นฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ดังกล่าว กระทั่งเมื่อวันที่ 22 มิ.ย.ที่ผ่านมามีการอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาที่ยืนตามศาลอุทธรณ์โดยให้ยกฟ้องคดี

ร.ท.สมนึก กล่าวว่า จากการแก้ต่างและสู้จนชนะในชั้นศาลฎีกาเป็นผลทำให้รัฐไม่ต้องจ่ายเงิน จำนวน 9,683 ล้านบาท