สมคิดย้ำรัฐบาลเร่งดันโครงการอีอีซีขับเคลื่อนเศรษฐกิจ

"สมคิด"ย้ำรัฐบาลเร่งเดินหน้าโครงการอีอีซีเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เผยรถไฟความเร็วสูงกรุงเทพ-ระยองเปิดประมูลปีนี้

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังมอบนโยบายให้กับกระทรวงคมนาคมว่า การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของกระทรวงคมนาคมเป็นฟันเฟืองหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของชาติในขณะนี้จนส่งผลให้ประเทศไทยได้รับการจัดอันดับที่ดีขึ้นกว่าเดิมในการวัดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ของ Institute for Management Development หรือ IMD ดังนั้นถ้าโครงการขนาดใหญ่สามารถเดินตามแผนไปได้ทั้งหมดจะส่งผลให้สามารถอัดฉีดเม็ดเงินไปสู่ระบบเศรษฐกิจได้อีกมากอย่างในปีนี้และปีหน้าซึ่งจะทยอยดำเนินการโครงการส่วนใหญ่ได้เกือบทั้งหมด โดยเฉพาะโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานรองรับการพัฒนาแนวระเบียงเศรษฐกิจอีอีซีซึ่งเป็นเป้าหมายหลักที่รัฐบาลให้ความสำคัญอย่างมาก อย่างโครงการรถไฟความเร็วสูงกรุงเทพ-ระยอง ระยะทาง 193.5 กม. วงเงิน 1.52 แสนล้านบาท รวมถึงการเชื่อมต่อผ่าน 3 สนามบินควบคู่ไปกับโครงการรถไฟรางคู่อีอีซีและโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบังตลอดจนศูนย์บรรจุและแยกสินค้ากล่อง(ไอซีดี)ในท่าเรือสำคัญต่างๆ โดยตั้งเป้าว่าจะต้องเข้าสู่ขั้นตอนการประมูลโครงการให้ได้ภายในปีนี้

ขณะที่ความคืบหน้าด้านการเบิกจ่ายงบประมาณของกระทรวงคมนาคมนั้นถือว่าเป็นไปได้ตามเป้าได้อย่างดี ไม่มีปัญหาเลย จึงอยากขอให้เบิกจ่ายเลยเป้าที่ตั้งไว้เลยด้วยซ้ำ

ส่วนด้านโครงการรถไฟทางคู่ 5 เส้นทางวงเงิน 98,847 ล้านบาท ได้แก่ 1.เส้นทาง ช่วงประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร ระยะทาง 167กิโลเมตร(กม.) วงเงิน 17,290.63 ล้านบาท 2.ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ ระยะทาง 132 กม. วงเงิน 29,449.31 ล้านบาท 3.ช่วงลพบุรี-ปากน้ำโพ ระยะทาง 148 กม. วงเงิน 24,722.28 ล้านบาท4.ช่วงนครปฐม-หัวหิน ระยะทาง 165 กม. วงเงิน 20,046.41 ล้านบาท และ5.ช่วงหัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์ ระยะทาง 90 กม. วงเงิน7,340 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างทยอยอเข้าสู่ขั้นตอนการประกาศเชิญชวนเอกชนคาดว่าจะสามารถประมูลและได้ตัวผู้รับเหมาทั้งหมดภายในเดือนก.ย.นี้ ทั้งนี้ขอยืนยันว่าการประกวดราคารถไฟทางคู่]นเอกชนคาดว่าจะสามารถประมูลและได้ตัวผู้รับเหมาทั้งหมดภายในเดือนก.ย.นี้ ทั้งนี้ขอยืนยันว่าการประกวดราคารถไฟทางคู่ 5 เส้นทางครั้งนี้จะไม่มีการล็อคสเป็คเอื้อผลประโยชน์ให้เอกชนบางฝ่ายอีกแล้วภายหลังจากซูเปอร์บอร์ดสั่งแก้ทีโออาร์ทุกอย่างไปหมดแล้วจึงมั่นใจได้ว่าโรงการจะไม่ล่าช้าอีก

นายสมคิด กล่าวว่า ได้สั่งการให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐเร่งตั้งโต๊ะเจรจากับการบินไทยเพื่อหาแนวทางการ

จัดการบริษัทนกแอร์ว่าจะสามารถดำเนินการหรือเพิ่มทุนได้ในทิศทางไหน ไม่ปล่อยให้คาราคาซังอย่างที่ผ่านมา โดยเฉพาะการบินไทยที่ต้องมีคำตอบให้ชัดเจนว่าจะทำอย่างไรกับเรื่องที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะการบริหารสายการบินโลว์คอสที่มีในมือภายหลังจากที่ไทยสมายล์สามารถสร้างรายได้สวยขณะที่นกแอร์ติดขัดปัญหาขาดทุน

"สั่งให้การบินไทยรีบเข้าไปจัดการไม่ปล่อยให้คาราคาซังว่าจะเอาไง การบินไทยจะเพิ่มทุนต่อไปหรือไม่ จะเพิ่มทุนเองหรือจับมือกกับพาร์ทเนอร์แล้วเพิ่มทุนต้องทำให้จบให้เร็วเพราะตลาดการบินแข่งขันกันเยอะ"นายสมคิดกล่าว

ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่าประเทศญี่ปุ่นจะขอต่อขยายรถไฟความเร็วสูงช่วงกรุงเทพ-ระยองให้ไปจบที่จังหวัดอยุธยาเนื่องจากพบว่าเส้นทางกรุงเทพ-เชียงใหม่ไม่คุ้มต้นทุนนั้น นายสมคิดกล่าวว่า ขอยืนยันว่ารถไฟความเร็วสูงช่วงกรุงเทพ-เชียงใหม่ป็นโครงการหลักที่ญี่ปุ่นต้องการพัฒนาจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดใดทั้งสิ้น เพียงแต่ขอขยายแนวเส้นทางจากเดิมทีเป็นกรุงเทพ-ระยอง แต่ญี่ปุ่นสนใจอยุธยาเชื่อมต่ออีอีซี จึงส่งกระทรวงคมนาคมไปเจรจาว่าถ้าเขาสนใจจริงจะมีแนวทางลงทุนยังไง

ขณะที่ประเด็นการใช้อำนาจตามมาตรา44 เพื่อเร่งโครงการรถไฟไทย-จีนนั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมจะเสนอนายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ในวันนี้(13มิ.ย.) เพื่อแก้ปัญหาที่มันช้าและติดขัดให้ทะลุปรุโปร่ง ส่วนจะเป็นเรื่องการสอบใบอนุญาตมาตรฐานวิศวกรจีนหรือไม่นั้นต้องรอดูต่อไป แต่ยืนยันว่าคนละเรื่องกับขั้นตอนการเสนอโครงการต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)กรอบยังตามเดิมคือเสนอภายในเดือนนี้

"ขอให้มองโลกในแง่ดี เส้นกรุงเทพ-เชียงใหม่อย่าไปวัดผลกันที่ผลตอบแทนเชิงราบได้ แต่ให้วัดที่ผลตอบแทนทางเศรษฐกิจและสังคม สนับสนุนการพัฒนาเมืองและรายได้ท้องถิ่นตามแนวเส้นทางรถไฟ มังแต่มานั่งนับกันที่จำนวนผู้โดยสารอย่างเดียวไม่ได้"

นอกจากนี้ยังสั่งการให้กรมทางหลวงชนบทใช้แผนพัฒนาถนนให้เชื่อมโยงการท่อวเที่ยวในประเทศไม่ใช่มองแต่พัฒนาระบบขนส่งและการเดินทางรับเฉพาะนักท่องเที่ยวต่างชาติ เช่นเดียวกับกรมทางหลวงที่ตนได้เสนอให้ใช้โมเดลแบบประเทศญี่ปุ่นพัฒนา road side station สนับสนุนการพัฒนาพื้นที่ตามแนวทางหลวงและมอเตอร์เวย์