ครม.ไฟเขียว"ขสมก."กู้1.7พันล้านเสริมสภาพคล่อง

ครม. ไฟเขียวขสมก. กู้เงินเสริมสภาพคล่อง 1.7 พันล้านบาท เร่งลงนามสัญญา "e-Ticket" สัปดาห์หน้า

นายพิชิต อัคราทิตย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบให้องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) กู้เงินเสริมสภาพคล่องสำหรับการดำเนินโครงการตามมาตรการลดภาระค่าครองชีพประชาชน (รถเมล์ฟรี) และเงินอุดหนุนบริการสาธารณะ (PSO) ปีงบประมาณ 2560 จำนวน 1,777 ล้านบาท เพื่อช่วยลดภาระค่าเบี้ยปรับค้างชำระ โดยให้กระทรวงการคลังเป็นผู้ค้ำประกันเงินกู้รวมทั้งพิจารณาวิธีการกู้เงิน เงื่อนไขและรายละเอียดต่างๆ ในการกู้เงิน สำหรับปีงบประมาณ 2560 ขสมก. มียอดหนี้ค้างชำระตั้งแต่เดือน ต.ค. 2559-ม.ค. 2560 และประมาณการตั้งแต่เดือน ก.พ.-ก.ย. 2560 รวมทั้งสิ้น 1,777.202 ล้านบาท โดยยอดหนี้น้ำมันเชื้อเพลิงอยู่ที่ 995.66 ล้านบาทและมีอัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 6.275% ส่วนหนี้ค่าเหมาซ่อมอยู่ที่ 781.542 ล้านบาทและมีอัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 7.375%

นายพิชิต กล่าวต่อว่า ส่วนด้านสาเหตุที่ ขสมก. ต้องเสนอขอวงเงินกู้ดังกล่าว เพราะ ขสมก. ได้รับการจัดสรรงบประมาณตามมาตรการรถเมล์ฟรีและ PSO ย้อนหลังทุกปี ส่งผลให้ ขสมก. มีหนี้ค้างชำระค่าน้ำมันเชื้อเพลิงและค่าเหมาซ่อมในแต่ละเดือน พร้อมถูกคิดค่าเบี้ยปรับจากการชำระหนี้ล่าช้า ดังนั้นขสมก. จึงเสนอขอวงเงินกู้เสริมสภาพคล่องจาก ครม. ในอัตราดอกเบี้ย 2.162% เพื่อชำระวงเงินกู้เก่า ซึ่งจะสามารถประหยัดค่าดอกเบี้ยจ่ายได้ประมาณ 4.123-5.223% หรือเฉลี่ยแล้วประหยัดได้ประมาณ 6.743 ล้านบาทต่อเดือน

ด้านนายสมศักดิ์ ห่มม่วง รองปลัดกระทรวงคมนาคม รักษาการผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เปิดเผยว่า เตรียมเสนอการทบทวนแผนฟื้นฟูระยะ 5 ปี (2560-2564) ให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาภายในเดือน มิ.ย. นี้โดยแผนฟื้นฟูฉบับใหม่ประกอบด้วยการจัดซื้อรถโดยสารประจำทางประมาณ 3,000 คัน แบ่งเป็นการจัดซื้อรถเมล์ที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง (เอ็นจีวี) จำนวน 489 คัน การจัดซื้อรถเมล์ไฟฟ้า (อีวี) จำนวน 200 คัน และซ่อมบำรุงรถเมล์เก่าประมาณ 665 คัน ควบคู่ไปกับขั้นตอนการลงนามสัญญาโครงการเช่าระบบบัตรโดยสารอิเล็กทรอนิกส์ (e-Ticket) พร้อมติดตั้งอุปกรณ์บนรถโดยสารประจำทาง วงเงิน 1,786.59 ล้านบาทภายในช่วงสัปดาห์หน้า ซึ่งมีกิจการร่วมค้าที่นำโดย บริษัท ช ทวี จำกัด (มหาชน) หรือ CHO และเอกชนจากประเทศเกาหลีเป็นผู้ชนะประมูล

ทั้งนี้จะเร่งติดตั้งระบบ บนรถเมล์ให้ได้ 800 คันภายในเดือน ต.ค. นี้ และติดตั้งครบทั้งหมด 2,600 คันภายในปีหน้าตามกรอบที่สัญญาระบุไว้ สำหรับกรณีที่กิจการร่วมค้า BMZT ส่งหนังสือร้องเรียนจากกรณีตกคุณสมบัติการร่วมประมูลอี-ทิคเก็ต นั้น ขสมก. ได้ทำหนังสือชี้แจงไปหลายครั้งแล้วและไม่มีผลใดๆ ต่อการลงนามสัญญาในครั้งนี้

อย่างไรก็ตามรถเมล์ที่เหลืออีกประมาณ 1,600 คัน จะเปิดกว้างเรื่องการเลือกเทคโนโลยีว่าจะเป็นรถเมล์ไฟฟ้าหรือไฮบริด โดย ขสมก. ได้ศึกษากรอบวงเงินลงทุนของรถเมล์ไฟฟ้าไว้แล้วว่าไม่เกิน 10 ล้านบาทต่อคันและรถไฮบริดไม่เกิน 7 ล้านบาทต่อคัน นอกจากนี้ได้เสนอข้อดีข้อเสียของการเช่าและซื้อรถเมล์ให้พิจารณาด้วย สำหรับมติ ครม. เดิมที่เห็นชอบให้จัดซื้อรถเมล์เอ็นจีวีจำนวน 3,189 คันนั้น ขสมก. คงต้องเสนอให้ ครม. แก้ไขมติเพื่อให้สอดคล้องกับแผนฟื้นฟูฉบับใหม่อีกด้วย