กระทรวงเกษตรฯ คลอดกม.ปลดแอกสัญญาทาสจากนายทุน
รมช.เกษตร เผย กม.ส่งเสริมและพัฒนาระบบเกษตรพันธสัญญา ประกาศในราชกิจจาแล้ว มีผลบังคับใช้ 23 ก.ย. 2560
รมช.เกษตร เผย กม.ส่งเสริมและพัฒนาระบบเกษตรพันธสัญญา ประกาศในราชกิจจาแล้ว มีผลบังคับใช้ 23 ก.ย. 2560
นางสาวชุติมา บุณยประภัศร รมช.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่าพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาระบบเกษตรพันธสัญญา พ.ศ. 2560 ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 26 พ.ค. 2560 และจะมีผลบังคับใช้เมื่อพ้น 120 วัน คือตั้งแต่วันที่ 23 ก.ย. 2560 เป็นต้นไป ซึ่งต่อไปกฏหมายดังกล่าวจะเป็นเครื่องมือช่วยให้การทำสัญญาระหว่างเกษตรกรตั้งแต่สิบรายขึ้นไปกับผู้ประกอบธุรกิจให้มีความเป็นธรรมมากขึ้น เนื่องจากที่ผ่านมามีปัญหาว่าเกษตรกรไม่ได้รับความเป็นธรรมและเป็นสัญญาทาสของนายทุน
“อย่างไรก็ตามในการทำสัญญาจะต้องเป็นความพอใจของสองฝ่ายคือเกษตรกรและผู้ประกอบการ หน่วยราชการมีหน้าที่เพียงดูแลให้เกิดความเป็นธรรมและเมื่อมีกรณีพิพาทเท่านั้น “ นางสาวชุติมากล่าว
ทั้งนี้ จะมีคณะกรรมการส่งเสริมและพัฒนาระบบเกษตรพันธสัญญา ซึ่งมี รมว.เกษตรฯเป็นประธาน กรรมการ 24 คนทั้งโดยตำแหน่งและผู้ทรงคุณวุฒิและตัวแทนเกษตรกร มาเป็นผู้ดูแลให้สัญญามีความเป็นธรรมโดยจะมีการออกสัญญากลางในแต่ละรายพืช สัตว์ และประมง ฯลฯ และในส่วนของสัญญาการซื้อขาย ผู้ประกอบธุรกิจต้องมีการออกหนังสือชี้ชวนให้เกษตรกรที่สนใจทราบและส่งสำเนาให้สำนักปลัดกระทรวงเกษตรฯ ทราบโดยหนังสือชี้ชวนต้องระบุถึงข้อมูลทางการค้า ข้อมูลการผลิต ทั้งเงินทุน คุณภาพ และปริมาณที่จะรับซื้อ การขนส่ง ประมาณการยะยะเวลาคืนทุน ความคุ้มค่าในการผลิต ภาวะเสี่ยงที่ต้องรับผิดชอบรวมกันและส่งสำเนาให้กับสำนักปลัดกระทรวงเกษตรฯด้วย นอกจากนั้นจะมีคณะกรรมการไกล่เกลี่ยระดับกรุงเทพะมหานคร มีปลัดกระทรวงเกษตรฯเป็นประธาน และระดับจังหวัดมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน ซึ่งจะต้องดำเนินการไกล่เกลี่ยให้เสร็จใน 20 วันนับแต่ได้รับเรื่องกรณีไกล่เกลี่ยไม่สำเร็จให้ไประบบอนุญาโตตุลาการ หรือสู่ศาล
สาระสำคัญของกฏหมายคือการกำหนดให้ ผู้ประกอบธุรกิจที่จะทำเกษตรพันธสัญญาตามกฏหมายนี้จะต้องมาจดทะเบียน และเมื่อเลิกธุรกิจก็ต้องแจ้งสำนักปลัดกระทรวงเกษตรฯล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 30 วันเช่นกัน กรณีไม่แจ้งขึ้นทะเบียนมีโทษอาญาและมีโทษปรับ 3 แสนบาท
ทั้งนี้ จะมีมาตรการคุ้มครองระหว่างกระบวนการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท โดยห้ามมิให้คู่สัญญาชะลอ ระงับ หรือยุติการปฏิบัติตามสัญญาจนเป็นเหตุให้อีกฝ่ายหนึ่งได้รับความเสียหาย กระทำการใด ๆ ให้คู่สัญญาอีกฝ่ายได้รับความเสียหายทั้งทางตรงและทางอ้อมในกรณีที่สัญญาสิ้นสุดลงแล้ว หรือทำข้อตกลงเพิ่มเติมหรือแก้ไขสัญญาเพื่อให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งรับความเสี่ยงภัย รับภาระ หรือมีหน้าที่เพิ่มเติมโดยไม่มีค่าตอบแทนอย่างเป็นธรรม
ระหว่างนี้กระทรวงเกษตรฯจะมีการทำกฏหมายรองอีก 16 ฉบับ เกี่ยวกับหลักเกณฑ์วิธีการในการขับเคลื่อนงานให้เป็นไปตามกฏหมาย อาทิหลักเกณฑ์และวิธีการแจ้งการประกอบธุรกิจและการเลิกการประกอบธุรกิจ หลักเกณฑ์และวิธีการในการจัดส่งและเก็บรักษาเอกสารสำหรับการชี้ชวนเกษตร และหลักเกณฑ์และวิธีการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทและการจัดทำสัญญาประนีประนอมยอมความ รวมทั้งกำหนดแนวทางจัดทำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศสำหรับการปฏิบัติงานตามพระราชบัญญัติ
สำหรับพรบ.ดังกล่าวมีด้วยกัน 48 มาตรา ซึ่งเป็นกฏหมายที่เกษตรกรและกระทรวงเกษตรฯได้พยายามผลักดันให้เกิดตลอดเวลา 10ปีที่ผ่านมาภายหลังที่ผู้ประกอบธุรกิจเริ่มมีการทำสัญญาซื้อขายสินค้าเกษตรหรือให้เกษตรกรผลิตโดยกดราคารับซื้อและหรือปฏิเสธการรับซื้อในราคาที่ตกลง เมื่อราคามีการเปลี่ยนแปลง