เราจะไม่รู้เลยหรือว่า....มันเหลื่อมล้ำ
ในวันที่ร้อนสุดหัวใจของคนเมืองกรุง ผู้เขียนได้มีโอกาสนั่งรถรับจ้างไปทำธุระแถวสีลม ระหว่างทางของการจราจรที่ติดๆ ขัดๆ
โดย...สุรพล โอภาสเสถียร
ในวันที่ร้อนสุดหัวใจของคนเมืองกรุง ผู้เขียนได้มีโอกาสนั่งรถรับจ้างไปทำธุระแถวสีลม ระหว่างทางของการจราจรที่ติดๆ ขัดๆ ไปได้สามนาที หยุดสองนาที แล้วไปต่อ แต่ก็ได้แต่คิดว่า พรุ่งนี้มันจะดีกว่าเก่า ดีอย่างไรไม่รู้แต่มันน่าจะดีกว่าเก่า เพราะเศรษฐกิจเรานั้นมันกำลังพัฒนา กำลังจะพัฒนา กำลังจะไปสู่ระบบการขนส่งที่เลิศ (เสียงสูง) อีกหน่อยเราก็จะมีรถวิ่งโดยไม่มีคนขับแล้ว (เสียงสูงอีกครั้ง)
บทสนทนาของผมกับพนักงานขับรถเริ่มต้นที่ว่า ทำไมเขาอ่านข่าวแล้วพบว่า ค่าอาหารของคนชนชั้นหนึ่งในหนึ่งมื้อ หรือหนึ่งขวดไวน์ มันถึงมากกว่ารายได้ชาวนาคนปลูกข้าวในหนึ่งปี มันมาถึงตรงนี้ได้อย่างไร เราจะอยู่กันอย่างนี้แล้วรับว่าเกิดมาพร้อมโชคชะตาที่ลิขิตให้เป็นแบบนี้หรือไร ผมจุกในคอ ผมเรียนมาสามปริญญา สองปริญญามาจากมหาวิทยาลัยที่สอนให้รักประชาชน อีกหนึ่งปริญญามาจากมหาวิทยาลัยที่มีคำมั่นว่า จะเป็นเสาหลักของประเทศชาติ
ตัวเราที่ได้ชื่อว่าชนชั้นปัญญาชนมันก็เกิดคำถามว่า "เล่าเรียนมาไม่น้อย ได้ทำมากพอหรือยัง ทำเต็มที่หรือยัง ทำทุกสิ่งหรือยัง ได้พยายามกี่มากน้อย ได้พยายามทุกวัน ทุกเวที ทุกการประชุมสัมมนา แล้วหรือยังที่จะนำไปสู่ความอยู่ดีมีสุขของผู้คนที่เรามีส่วนต้องเกี่ยวข้อง ไม่ว่าลูกน้อง ลูกจ้าง พนักงาน คนงาน แม่บ้าน คนสวน คนรับใช้ พนักงานร้านอาหาร แม่ค้า พ่อค้า คนชงกาแฟขาย ที่เราไปเกี่ยวกับเขา เราได้คิดถึงเขา คิดที่จะช่วยเขาในงานที่เราทำมากพอหรือไม่" มันไม่สำคัญว่าเราจะเป็น CEO เป็นผู้นำองค์กร มีตำแหน่งแห่งที่เป็นพ่อค้า อภิพ่อค้าวาณิช แต่หากเรามองความยากจน เหลื่อมล้ำ แล้วคิดเพียงว่า
1.ก็ช่วยแล้วไง โดยมีระบบสวัสดิการให้เปล่า...เธอก็ไปใช้สิทธิสิ
2.ก็ช่วยไม่ได้ เราอยู่ในระบบใครดีใครอยู่ ใครเก่งก็เอาไป...เธอไม่เก่ง ไม่พยายามเอง เศรษฐกิจมันเป็นแบบน้ำขึ้นให้รีบตัก...ขันเธอเล็กเองนี่นา วันหลังเอาขันใบใหญ่มาสิ
3.การแก้ไขความยากจนมันต้องใช้เวลา งบประมาณมันจำกัด...ระหว่างนี้ก็อบรมศักยภาพไปก่อนสิ...ทางการมีงบในส่วนนี้ (คนฟังๆๆๆ)
หากเราที่เป็นผู้นำยังไม่เห็นความทุกข์ของผู้คนตามภาระหน้าที่แล้ว เราจะอยู่ไปในหน้าที่นั้นไปทำไม (แต่อีกใจเราก็คิด...ลึกๆ เราก็กลัวตกงาน ไม่มีอาชีพ ลูกเมียลำบาก กินอยู่ลำบาก ไม่มีอำนาจ เราคือ Nobody ใช่หรือไม่)
ในที่สุด หากเรื่องนี้ไม่ได้แก้ไข "การแบ่งเขาแบ่งเรา" ก็จะเกิดขึ้น แล้วเราก็ต้องมาสร้างระบบกติกา กฎหมายให้คนต้องมารักกัน...รักกัน ไม่รักกันตามกฎหมายก็มีเรื่องสิ สิ่งที่ผมกังวลที่สุดในการพัฒนาความเหลื่อมล้ำที่มากขึ้นคือ
(1) แบ่งเขาแบ่งเราแบบไม่ใช่เหตุผล ไม่ฟังกัน
(2) หามาตรการ วิธีการมาทำลายอีกฝ่าย
(3) ไม่นึกว่าอีกฝ่ายคือ คนชาติเดียวกัน ทำลายกันจนพัง จนตายกันไปข้างคือชัยชนะ
ตัวอย่างสิ่งที่ต่อเนื่องจากปัญหาความเหลื่อมล้ำ เช่น ทะเลาะกันในแนวทางการพัฒนาจนมันไปต่อไม่ได้ การสร้างนโยบายประชานิยมที่บิดเบือนจนทำลายเงินทองงบประมาณไปมากมายเป็นภาระต่อมาจนลูกหลาน ความไม่สงบในบางพื้นที่ การซื้อขายวุฒิการศึกษา การคดโกงการสอบ และการซื้อขายบริการทางเพศกับเด็ก คนด้อยโอกาสในการต่อรอง ใช่หรือไม่ (ท่านผู้อ่านไม่จำต้องเห็นด้วยกับผม)
ทุกวันนี้เราอยู่ในระบบเศรษฐกิจ สังคม การเมือง และมีปัญหาเหลื่อมล้ำขนาดไหน หากเราไม่ช่วยกันแล้วจะให้ใครมาช่วยเรา แล้วผมก็ถึงที่หมาย กล่าวคำขอบคุณ มีรอยยิ้มให้กัน พร้อมกับคำว่า...โชคดีมีชัยนะครับ