ติงปตท.หั่นหุ้นบริษัทลูก

สตง.ส่งหนังสือทักท้วงกรณี ปตท.ปรับโครงสร้างลดสัดส่วนถือหุ้นบริษัทลูกต่ำกว่า 50% หวั่นทำประเทศสูญเสียทรัพย์สิน

แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรีในสัปดาห์ที่ผ่านมาสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) หรือซูเปอร์บอร์ดได้เสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบและเห็นชอบผลการประชุม คนร. ซึ่งมีประเด็นที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) มีหนังสือให้ คนร.พิจารณาทบทวนการปรับโครงสร้างธุรกิจของบริษัท ปตท. โดยเฉพาะกรณีที่มีการดำรงสัดส่วนในบริษัทในกลุ่มต่ำกว่า 50% ซึ่งควรคงสัดส่วนการถือหุ้นให้เกิน 50% ไว้

ทั้งนี้ สตง.มีข้อสังเกตว่า เนื่องจากธุรกิจพลังงานเป็นเรื่องความมั่นคง ของประเทศมีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจและการดำเนินชีวิตของประชาชน แต่การปรับโครงสร้างธุรกิจของบริษัท ปตท. กำลังจะทำให้สูญเสียทรัพย์สินของประเทศและอาจจะส่งผลกระทบต่อประชาชนผู้ใช้พลังงาน

อย่างไรก็ตาม ในประเด็นที่เกี่ยวกับความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ ทาง คนร.มอบหมายให้กระทรวงพลังงานรับความเห็นของ สตง.เพื่อนำไปประกอบการพิจารณาการปรับโครงสร้างธุรกิจของ ปตท. และให้การพิจารณานั้นสอดคล้องกับทิศทาง นโยบายและเป้าหมายการพัฒนาประเทศ คำนึงถึงผล กระทบด้านต่างๆ และต้องชี้แจงประเด็นข้อสังเกตให้ สตง.ทราบก่อนนำผลการปรับโครงสร้างนั้นเสนอให้ ครม.ทราบ

รายงานข่าวเพิ่มเติมว่า เมื่อวันที่ 16 มี.ค. 2560 คณะกรรมการบริษัท ปตท. ได้มีมติเห็นชอบการปรับโครง สร้าง ปตท. ประกอบด้วยการดำเนินการ 3 ส่วน คือ 1.การโอนกิจการของหน่วยธุรกิจน้ำมัน รวมถึงสินทรัพย์และหนี้สินของหน่วยธุรกิจดังกล่าว ตลอดจนหุ้นของบริษัทที่เกี่ยวข้องให้แก่บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก (PTTOR) โดยมูลค่าการโอนกิจการอยู่ที่ 1.21 แสนล้านบาท แต่ถ้าการโอนกิจการเกิดขึ้นหลังวันที่ 1 ก.ค. 2560 มูลค่าการโอนกิจการจะปรับด้วยมูลค่าตลาด

2.การเสนอขายหุ้นสามัญของ PTTOR ต่อประชาชนทั่วไปเป็น ครั้งแรก (IPO) และการนำ PTTOR เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ และ 3.บริษัท ปตท. มีนโยบายคงสัดส่วน การถือหุ้นขั้นต่ำใน PTTOR ที่อย่างน้อย 45% ของทุนจดทะเบียนชำระแล้ว โดย ปตท.และหน่วยงานของรัฐถือ หุ้นใน PTTOR ต่ำกว่า 50% หลังเสนอ ขายหุ้น โดย ปตท.จะเสนอการปรับโครงสร้างครั้งนี้ต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นปลายเดือน เม.ย.