ไฟเขียว กบข.ลุยลงทุนเมืองนอกเพิ่ม
ครม.ไฟเขียว กบข.ลุยลงทุนนอกได้เพิ่มเป็น 30% พร้อมขยับเพดานลงทุนอสังหาฯ เป็น 12% แจงเพื่อปรับยุทธศาสตร์ลงทุนสอดคล้องภาวะตลาดกระจายความเสี่ยง เพิ่มผลตอบแทนสมาชิก
ครม.ไฟเขียว กบข.ลุยลงทุนนอกได้เพิ่มเป็น 30% พร้อมขยับเพดานลงทุนอสังหาฯ เป็น 12% แจงเพื่อปรับยุทธศาสตร์ลงทุนสอดคล้องภาวะตลาดกระจายความเสี่ยง เพิ่มผลตอบแทนสมาชิก
พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า การประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) เมื่อวันที่ 3 พ.ย. 2558 ได้อนุมัติร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการจัดการเงินของกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ(กบข.) ตามที่กระทรวงการคลังได้เสนอว่ากฎกระทรวงการคลังที่ได้กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการจัดการเงินของกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ. 2553 ที่ใช้บังคับอยู่ในปัจจุบัน ได้กำหนดสัดส่วนในการนำเงินของ กบข. ไปลงทุน ไม่สอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน จึงจึงมีความจำเป็นต้องแก้ไขกฎกระทรวง เพื่อปรับปรุงสัดส่วนการลงทุน ซึ่งจะช่วยเพิ่มผลตอบแทนการลงทุนให้แก่สมาชิก
ทั้งนี้ ตามร่างกฎกระทรวงใหม่ได้ ปรับเพิ่มเพดานการลงทุนในต่างประเทศและอสังหาริมทรัพย์จากเดิม 25% เป็น 30% และให้สามารถลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ได้เพิ่มขึ้นจาก 8%เป็น 12% แต่ยังให้คงสัดส่วนการลงทุนระหว่างสินทรัพย์ที่มั่นคง กับสินทรัพย์อื่นไว้ในอัตราเดิมที่ 60% ต่อ 40%
“การพิจารณาปรับสัดส่วนการลงทุนของ กบข. ดังกล่าวได้คำนึงถึงถึงประสิทธิภาพการบริหารและกระจายความเสี่ยงของกองทุน กบข. และพิจารณาแล้วว่าไม่มีผลกระทบต่อภาพรวมของตลาดหลักทรัพย์ และไม่ขัดต่อหลักเกณฑ์ของธนาคารแห่งประเทศไทยและกระทรงวงการคลัง”พล.ต.สรรเสริญ กล่าว
ทั้งนี้ ข้อมูลของกระทรวงการคลังระบุว่า เดิมได้มีการเสนอที่จะเพิ่มสัดส่วนการออกไปลงทุนจากประเทศของ กบข. เพิ่มจาก 25% เป็น 40% แต่ในประเด็นนี้ผู้แทนของกระทรวงการคลังได้มีข้อสังเกตว่าการเพิ่มสัดส่วนการลงทุนดังกล่าวเป็นสัดส่วนที่ค่อนข้างสูงจากเพดานเดิมมาก ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงจากภาวะความผันผวนของถสานการณ์ความเสี่ยงจากตลาดต่างประเทศไทย ขณะเดียวกันการเพิ่มสัดส่วนการไปลงทุนในต่างประเทศของ กบข. จะส่งผลต่อตลาดทุนในประเทศได้ เนื่องจาก กบข. เป็นผู้ลงทุนรายใหญ่ในตลาดทุน จึงควรมีการเพิ่มสัดส่วนกรลงทุนอย่างค่อยเป็นค่อยไป
สำหรับหลักเกณฑ์การออกไปลงทุนในต่างประเทศเพื่อถือครองอสังหาริมทรัพย์ในต่างประเทศนั้น ปัจจุบันธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) และกระทรวงการคลัง ได้ผ่อนคลายให้ทำได้เป็นจำนวนไม่เกิน 50 ล้านดอลลาร์ หรือเทียบต่อปีจากเดิม 10 ล้านดอลลาร์ หรือเทียบเท่า แต่ในกรณีที่ต้องการลงทุนเกินจำนวนดังกล่าวจะต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานควบคุมอัตราแลกเปลี่ยนเงินก่อน