posttoday

นายกฯย้ำไทยไร้ม็อบขอนักลงทุนมั่นใจ

03 ธันวาคม 2557

นายกฯ ให้ความมั่นใจนักลงทุนต่างชาติ ต่อไปไทยไร้ม็อบ ยันมีเลือกตั้งแน่นอน เผยมีมาตรการกระตุ้นศก.รอบด้าน

นายกฯ ให้ความมั่นใจนักลงทุนต่างชาติ ต่อไปไทยไร้ม็อบ ยันมีเลือกตั้งแน่นอน เผยมีมาตรการกระตุ้นศก.รอบด้าน

เมื่อวันที่ 3 ธ.ค. เวลา 14.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวปาฐกถาแก่สมาชิกหอการค้าร่วมต่างประเทศในประเทศไทย Joint Foreign Chambers of Commerce In Thailand (JFCCT) ณ ห้อง Crystal Hall ชั้นที่ 3 โรงแรมพลาซ่า แอทธินี กรุงเทพฯ

พล.อ.ประยุทธ์กล่าว ตอนหนึ่งว่า ขณะนี้รัฐบาลกำลังเดินมาตรการตามแผนโรดแมปที่ได้วางไว้ โดยเร่งสร้างความมั่นใจ และแก้ปัญหาในทุกๆ ด้านที่มีอยู่ สอดคล้องไปกับการพัฒนาเศรษฐกิจ ของเรา และประชาคมโลก โดยได้กำหนดแผนการดำเนินการ 3 ระยะ คือระยะแรก ได้ดำเนินการไปแล้ว ระยะที่สอง คือการดำเนินการในการปฏิรูป ซึ่งตั้งแต่รัฐบาลเข้ามาทำงาน ตนเป็นนายกรัฐมนตรี มาตั้งแต่เดือน ส.ค. ตนได้นำคณะรัฐมนตรี (ครม.)  ผู้แทนของกระทรวง ทีมเศรษฐกิจ เดินหน้าในการทำหน้าที่ และมีการวางมาตรการเตรียมความพร้อมมาตั้งแต่เข้ายึดอำนาจใน 3 เดือนแรก ซึ่งพอมีรัฐบาลเข้ามาทุกอย่างก็เดินหน้าต่อไปได้ทันที

ทั้งนี้นโยบายของรัฐบาล คือเอาปัญหาทั้งหมดที่มีอยู่มาแก้ รวมทั้งการเดินหน้าในเรื่องของเศรษฐกิจ ตามแผนที่วางไว้ แต่ต้องยอมรับว่า เศรษฐกิจของไทยมีการชะลอตัว เพราะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว โดยมีการแก้กฎหมายหลายฉบับก็เพื่อรักษาความปลอดภัย และดูแลทั้งคนในชาติ และชาวต่างประเทศ วันนี้ถือว่า เราเป็นประชาธิปไตยมากกว่าปกติด้วยซ้ำ

“ขอให้ทุกท่านไม่ต้องกังวลในเรื่องของประชาธิปไตย เพราะที่ผมเข้ามาก็ใช้อำนาจในทางสร้างสรรค์ และรับรองว่า จะมีการเลือกตั้งอย่างแน่นอน ระหว่างนี้ก็ต้องแก้ปัญหากันไป และเมื่อมีการเลือกตั้ง ทุกอย่างจะดีกว่าเดิมด้วยซ้ำไป ดังนั้นทุกคนต้องช่วยกัน ขับเคลื่อน และที่ผ่านมาพวกท่านอาจจะเจอปัญหาเกี่ยวกับเรื่องการชุมนุมประท้วง แต่ยืนยันว่า จะไม่ให้มีความวุ่นวายการประท้วงอย่างเด็ดขาด และไม่ต้องกังวล เรื่องการประกาศใช้กฎอัยการศึก เพราะที่ประกาศออกมา เราดูแลความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สินของทุกคน และใช้อย่างสร้างสรรค์ 6 เดือน ที่ผ่านมาเราพยายามทำให้เห็นอย่างชัดเจน แต่หากมีอะไรขอให้เสนอแนะเข้ามาได้ และเราจะสร้างความเชื่อมั่นให้พวกท่าน เชื่อว่าปีหน้าจะมีการลงทุนในประเทศไทยเพิ่มเป็น 2 เท่า”พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ขณะที่ระหว่างนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องคือ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ก็เดินหน้าในเรื่องกฎหมายต่างๆ สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ก็เดินหน้าปฏิรูป หากใครมีข้อเสนอแนะ ขอให้เสนอมาเราพร้อมรับฟังทุกเรื่อง โดยมีการปฏิรูป 18 ประเด็นใน 11 เรื่อง

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เรื่องภายในของเรา ก็เป็นเรื่องภายใน ขออย่างเร่งรัด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเลือกตั้ง การปฏิรูป ซึ่งกำลังดำเนินการอยู่ โดยตนตั้งใจว่าก่อนปีใหม่นี้จะทำแต่ความดี และจะยิ้มแย้มแจ่มใส ยิ้มให้มากขึ้น พยายามพูดไพเราะ แต่ก็ยอมรับว่า ตนเจอปัญหาหนัก อีกทั้งเป็นทหารมา 38 ปี เพิ่งมาเป็นนายกรัฐมนตรี เพียง 3 เดือน ก็อย่าว่ากันมากเลย และทั้งหมดที่รัฐบาลดำเนินการจะเป็นผลดีกับภาคธุรกิจ ซึ่งตามแผน 1 ปีที่วางไว้ จะเป็นผลดีไปถึงรัฐบาลต่อไปด้วย แต่ถ้าไม่ทันต้องส่งต่อให้รัฐบาลต่อไปดำเนินการต่อ ซึ่งตอนนี้ต้องยอมรับว่า อุปสรรคของประเทศไทย คือการเริ่มปฏิรูปช้า แต่ต้องเตรียมตัวให้พร้อม และเดินหน้าต่อไป ไทยจะไม่เป็นคู่แข่งกับใคร เพราะต่างประเทศได้เดินหน้าไปแล้ว วันนี้ขอเป็นเสือหมอบก่อนที่จะเดินทางไปข้างหน้า

ทั้งนี้ รัฐบาลยืนยันว่า จะออกมาตรการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในด้านต่างๆ ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจไตรมาสสุดท้ายในปี 2557 และไตรมาสแรกปี 2558 ดีขึ้น และทำให้ขยายตัวการค้าลงทุนเป็น 2 เท่าในปีหน้า นอกจากนี้ จะมีการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณปี 2557 ในการจ้างงาน ที่คงค้างอยู่กว่า 4 หมื่นล้าน และเร่งจ่ายเงินช่วยชาวนา 3.4 ล้านครอบครัว ให้แล้วเสร็จในปีนี้ รวมถึงการดูแลเรื่องความปลอดภัยของการท่องเที่ยว ซึ่งจะมีการปรับปรุงระบบในอนาคต  โดยนำเทคโนโลยีในต่างๆ มาใช้  พร้อมกันนี้นายกรัฐมนตรี ย้ำว่าการปฎิรูปประเทศไทยต้องใช้เวลา แต่ยืนยันว่า ไม่มีผลกระทบกับนักธุรกิจ โดยรัฐบาลมีงบลงทุนโครงสร้างพื้นฐานทั้งหมด 4.9 ล้านล้านบาท เป็นงบราชการ 2.65 ล้านล้านบาท งบของรัฐวิสาหกิจ 2 ล้านล้านบาท ซึ่งจะมีการดำเนินการเป็นระยะๆ

จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ได้ตอบคำถามกับนักลุงทุน เรื่องเกี่ยวกับการปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่นในประเทศไทยว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ เป็นวาระแห่งชาติ ตั้งแต่เข้ามาได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการทุจริตในภาครัฐ โดยคสช. ซึ่งมีการตรวจสอบ 28 โครงการ เป็นโครงการที่มีมูลค่าตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป โดยโครงการใดที่สามารถดำเนินการต่อได้ก็ดำเนินการต่อ แต่ถ้าโครงการใดดำเนินการต่อไปไม่ได้ก็ส่งต่อเข้ากระบวนการยุติธรรม ซึ่งการตรวจสอบไม่ได้มีเฉพาะทหาร มีพลเรือนฝ่ายกฎหมายปกติมาร่วมตรวจสอบด้วย และทั้ง 28 โครงการ เป็นโครงการขนาดใหญ่ที่น่าสงสัย

นอกจากนี้ ยังมีการสุ่มตรวจหลายโครงการอยู่ โดยกระบวนการ 2 ทาง คืออำนาจจากฝ่ายบริหาร คือ รัฐบาล และคสช. และการตรวจสอบจากองค์กรอิสระ โดยโครงการของรัฐในปีต่อไป จะมีการนำระบบของ Construction Sector Transparency หรือ คอร์ส (CoST) เข้ามาดูแลเรื่องการทุจริตคอร์รัปชัน ตรวจสอบโครงการขนาดใหญ่ ทั้งโครงการรถโดยสาร รถไฟ และโครงการบริหารจัดการน้ำ และหากผู้ลงทุนสามารถลดราคาได้ร้อยละ 30 โดยไม่มีการลดคุณภาพ รัฐบาลก็ยินดี และเรื่องการทุจริตคอร์รัปชั่น จะปฏิรูปทั้ง 3 ระบบ ทั้งนโยบายการขับเคลื่อน และผู้ปฏิบัติ เพราะวันนี้ยังมีช่องว่างของกฎหมาย และการสมยอมของผู้ประกอบการ และเจ้าของงบประมาณ รวมทั้งปลูกฝังให้คนไทยรังเกียจการทุจริตทั้งประเทศ พร้อมกันนี้เห็นว่า การดำเนินโครงการขนาดใหญ่ ต้องไม่ล่าช้า เพราะความล่าช้าทำให้เกิดการทุจริต