posttoday

คุณูปการ“สถาบันพระมหากษัตริย์”ต่อข้าพเจ้า

25 ตุลาคม 2563

โดย อุทัย มณี    

****************

ผู้เขียนเคยเขียนเตือนในขณะที่เหตุการณ์ความวุ่นวายทางการเมืองยังกรุ่น ๆ อยู่แล้วว่าระวัง วัฒนธรรมสองขั้วปะทะสองความคิด คือ ความคิดของคนรุ่นใหม่กลุ่มหนึ่งที่มองว่า วิกฤติความคิดวัฒนธรรมกำลังถูกท้าทาย หนึ่ง คนรุ่นใหม่ กำลังหมดศรัทธากับวัฒนธรรมแบบเดิมของไทย สองคนรุ่นเก่า มองว่า คนรุ่นใหม่กำลังทำลาย สิ่งที่มีอยู่เดิมของสังคมไทย

สุดท้ายก็เป็นไปตามนั้น

ผู้เขียนเติบโตมาในยุคที่ถูกสอนให้เชื่อในความดี และ การเห็นแบบอย่างที่ดีของคนที่สังคมประทับตราให้ว่าเป็นคนดี เราจึงมีแบบอย่างที่ดีให้เจริญรอยตามตามทัศนะของพระพุทธศาสนา ผู้เขียนจึงภักดีทั้งในสถาบันพระมหากษัตริย์และสถาบันสงฆ์

คุณูปการ“สถาบันพระมหากษัตริย์”ต่อข้าพเจ้า

ผู้เขียน“มาจากคนยากจนชีวิตติดลบ”เรียนโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน ที่ก่อตั้งริเริ่มและผลักดันโดย “สมเด็จย่า” สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี และโรงเรียน ตชด. ส่วนใหญ่ก็อยู่ตามป่าเขา ถิ่นทุรกันดาร รสชาติความอดอยาก ความหิวโหย ในยุคผู้เขียนเป็นเด็กคนเมืองไม่เคยรับรู้

ทุกปีในเทศกาลวันเด็กซึ่งมีของเล่นและเสื้อผ้ามือสอง วันนั้นคือ วันที่พวกเรามีเสื้อผ้าใหม่ใส่กัน ชื่อที่ปักไว้บนเสื้อที่พวกเราสวมใส่ ไม่เคยมีนักเรียนคนไหนสวมใส่ตรงกับตัวจริงสักคน

หลังสมเด็จย่าสวรรคต “สมเด็จพระเทพฯ” สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี  พระองค์ทรงสืบสาน รักษา ต่อยอด จากสมเด็จย่า เจริญรอยตามดูแลเยี่ยมชมโรงเรียน ตชด.ทั่วประเทศ

ด้วยพระบารมีของพระองค์ ปัจจุบันโรงเรียน ตชด.ทั้งอาหารกลางวัน ทั้งทุนให้นักเรียนได้ศึกษาต่อทั้งการรับราชการเป็นครุทายาทพระองค์ก็ทรงสนับสนุนให้พวกเรา

อันนี้คือ พระคุณที่ผู้เขียนได้รับจากสถาบันพระมหากษัตริย์

คุณูปการ“สถาบันพระมหากษัตริย์”ต่อข้าพเจ้า

หลังจบประถม 6 บวชเรียนเร่ร่อนอยู่หลายวัดหลายจังหวัด สุดท้าย มาอยู่วัดอรุณราชวรารามและวัดสังกระจายวรวิหาร เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพ ฯ ทั้งสองวัดก็เป็นวัดหลวง อยู่ภายในการอุปถัมภ์ของสถาบันพระมหากษัตริย์ทั้งทางตรงและทางอ้อม

เมื่อศึกษาต่อระดับปริญญาตรี ที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ก้าวแรกที่เหยียบบนพื้นหินอ่อนก็เป็นสถาบันที่สถาปนาโดยสถาบันพระมหากษัตริย์ คือ องค์รัชกาลที่ 5

หากไม่มีพระองค์ท่านที่ทรงเห็นคุณค่าของพระภิกษุ-สามเณร เด็กยากจนขาดโอกาสแบบผู้เขียน ทุกวันนี้ก็คงไม่มีที่ยืนในสังคม

ผู้เขียนจึงภักดีและกตัญญูกตเวทีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์และสถาบันพระพุทธศาสนา มีอยู่ มีกินทุกวันนี้ ก็เพราะทั้งสองสถาบันแห่งนี้มีส่วนสนับสนุนและส่งเสริม

ส่วนใครจะคิดอย่างไรถือว่าเป็นสิทธิ ไม่โกรธหรือต่อว่ากัน เพราะสิ่งที่ได้รับไม่เหมือนกัน

และคิดว่า เรื่องราวที่บานปลายทุกวันนี้ คนวัยกลางคนและวัยสูงอายุ ต้องหัดปล่อยวางและโทษตัวเองให้เป็นบ้าง..มองคนรุ่นใหม่แบบลูกหลาน ที่จะต้องรับภาระนำพาประเทศชาตินี้ต่อไป

ขอบคุณภาพ : อุทยานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี