posttoday

การบ้าน 7 ข้อ : สำหรับรัฐมนตรีดูแลสำนักงานพุทธ ฯ

16 สิงหาคม 2563

โดย อุทัย มณี           

******************

ขอแสดงความยินดีและขอต้อนรับรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีคนใหม่ที่จะเข้ามากำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ คุณอนุชา นาคาศัย ต่อจากนี้ไป รัฐมนตรีจะต้องร่วมทำงานกับคณะสงฆ์ โดยเฉพาะมหาเถรสมาคม อย่างใกล้ชิด

ตั้งแต่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เข้ามาบริหารประเทศได้สร้างความบอบช้ำน้ำใจ รอยแผลให้กับวงการคณะสงฆ์อย่างกว้างขวาง ไม่ว่าจะเป็นสายวัดป่า สายพระชนบท พระเมืองหรือแม้กระทั้งพระเมืองกรุง จนมีชาวพุทธบางกลุ่มกล่าวหาคุณประยุทธ์และภรรยาว่า เป็นคนต่างศาสนา ทั้ง ๆ ที่ไม่เป็นความจริง..

การบ้าน 7 ข้อ : สำหรับรัฐมนตรีดูแลสำนักงานพุทธ ฯ

แต่ความบอบช้ำ ความไม่พอใจคุณประยุทธ์ในวงการคณะสงฆ์และชาวพุทธมีหรือไม่..ต้องบอกตรง ๆ  ว่า มีและมาก แต่ทำอะไรไม่ได้

คุณเทวัญ ลิปตพัลลภ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ดูกำกับสำนักงานพุทธ ตลอดระยะเวลาที่เข้ามาทำงาน ค่อนข้างเข้ากับคณะสงฆ์ได้ดี และขยันทำงาน ออกงานร่วมกับกรรมการมหาเถรสมาคม ค่อนข้างบ่อย จึงพอลบรอยแผลในใจ ระหว่างรัฐบาลและคณะสงฆ์ได้ดีพอสมควร

คุณอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีคนใหม่ที่มากำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนา พื้นเพมาจากชัยนาท คงเข้าใจบริบทของคณะสงฆ์พอสมควร ในฐานะผู้เขียนเป็นคนบวชเรียนมานานและใกล้ชิดกับคณะสงฆ์พอสมควรบ้าง จึงฝากการบ้านให้ท่านไปดูแล ในบางเรื่องที่คิดว่าทำได้ไม่ยาก

เรื่องแรก ตอนนี้คณะสงฆ์กำลังเสียขวัญ เรื่อง สมณศักดิ์และตำแหน่งการปกครอง เรื่องนี้ แม้จะเป็นพระราชอำนาจ แต่ท่านในฐานะได้รับโปรดเกล้า ฯ มอบหมายให้มาใช้อำนาจฝ่ายบริหาร ต้องมีความชัดเจนว่า ทิศทางอนาคตจะเป็นอย่างไร

เรื่องที่สอง มหาเถรสมาคมมียุทธศาสตร์การปฎิรูปกิจการพระพุทธศาสนา ตามภารกิจ 6 ด้านวางกรอบไว้ชัด 20 ปี ตามยุทธศาสตร์ของชาติ  ซึ่งรัฐบาลรับรองแล้ว เป้าหมายคือ พุทธศาสน์มั่นคง ดำรงศีลธรรม นำสังคมสันติสุขอย่างยั่งยืน นตรงนี้จะเดินหน้าต่อไปอย่างไร เพราะตอนนี้หยุดชงัก เนื่องจากหน่อยงานที่ท่านกำกับนิ่ง อ้างว่าไม่มีงบประมาณ

เรื่องที่สาม การศึกษาของคณะสงฆ์ ทั้งเรื่องบาลี นักธรรมและพระปริยัติสามัญ รวมทั้งมหาวิทยาลัยสงฆ์ กำหนดให้ชัดว่า จะเดินหน้าพัฒนาต่อไปอย่างไร ตอนนี้แม้คณะสงฆ์จะมี พ.ร.บ.พระปริยัติธรรม ออกมาแล้ว แต่ยังไม่ได้จัดสรรงบประมาณแผ่นดินจากรัฐบาล มันช้า เพราะอะไร

เรื่องที่สี่ การลดลงของจำนวนผู้บวชสามเณรและพระภิกษุ รวมทั้งวัดร้างที่เพิ่มขึ้น ตรงนี้จะหาทางออกอย่างไร รวมทั้งการเป็นอยู่ของพระสงฆ์และชาวพุทธใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้

เรื่องที่ห้า การส่งเสริมวิปัสสนาธุระ รัฐบาลและมหาเถรสมาคมจะต้องคุยกันให้ชัดว่า ทำอย่างไรวิปัสสนาธุระ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์สินค้าชิ้นดีของพุทธศาสนา จึงจะได้เผยแผ่ไปทั่วโลก รวมทั้งจะมีการพัฒนาพระสงฆ์สายวิปัสสนาอย่างไรให้มีคุณภาพ มีศักยภาพ ในการเผยแผ่ศาสนา มัวแต่ให้ท่านหลับตา ภาวนา แล้วชาวพุทธคอยถวายสังฆทาน อย่างเดียว ไม่ได้

เรื่องที่หก  การเพิ่มศักยภาพให้กับบุคลากรในคณะสงฆ์และการนำหลักธรรมะในพุทธศาสนา ให้เข้าถึงระดับครัวเรือน สังคม แนวทางสันติศึกษา แนวทางปรองดอง ไม่ว่าจะเป็นโครงการหมู่บ้านศีล 5 ,โครงการวัดประชารัฐ สร้างสุข ประเด็นนี้รัฐบาลและคณะสงฆ์จะร่วมมือกันอย่างไร ภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี

เรื่องที่เจ็ด พฤติกรรมพระสงฆ์ บางกลุ่ม บางรูป ที่มีประพฤติกรรมนอกพระธรรมวินัย ทั้งคำสอน ทั้งพฤติกรรม ตรงนี้จะหาทางออกอย่างไร

ทั้งหมดทั้งมวลคือเป็นเรื่องระดับนโยบายหากรัฐมนตรีอนุชา ทำได้หวังว่าจะลบรอยแผลระหว่างรัฐบาลและคณะสงฆ์ได้บ้างพอสมควร แต่!! อยากฝากไว้อีกนิดคือว่า ทุกวงการมีการเมือง ทุกวงการมีการชิงดีชิงเด่น การเมืองมีเช่นใด การคณะสงฆ์ก็มีเช่นนั้น???

ภาพ : สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ