posttoday

ดร.บรรจบ บรรณรุจิ พระไตรปิฎกเคลื่อนที่

03 พฤษภาคม 2563

เมื่อสองวันที่ผ่านมาได้รับการติดต่อจาก ดร.บรรจบ บรรณรุจิ ซึ่งผมถือว่าท่านเป็นนักปราชญ์ชาวพุทธคนหนึ่งในยุคปัจจุบันเป็นสุปฎิปันโน คือปฎิบัติดีปฎิบัติชอบตามวิถีชาวพุทธทั่วไป

ผมรู้จัก ดร.บรรจบ ค่อนข้างนานมากแล้ว ตั้งแต่ยุคสมัยที่ทำงานอยู่ช่อง 11 สมัยก่อนเวลามีปัญหาเรื่องข้อถกเถียงประเด็นพระธรรมวินัย หรือวันสำคัญในทางพระพุทธศาสนาอย่างเช่นวันวิสาขบูชา ไม่พลาดรายการทีวีต้องเชิญ ดร.บรรจบ มาให้ความกระจ่างด้านพระธรรมวินัย มาให้ข้อคิด มาเตือนสติชาวพุทธ ให้หนักแน่นในหลักวิถีแบบชาวพุทธ ที่รักสันโดษ พอเพียง ไม่มักใหญ่ใฝ่สูง  มีความกตัญญูกตเวทิตาในพระรัตนตรัย และสถาบันพระมหากษัตริย์

ดร.บรรจบ บรรณรุจิ พระไตรปิฎกเคลื่อนที่

ดร.บรรจบ บรรณรุจิ เปรียบเสมือน พระไตรปิฎกเคลื่อนที่

เราสองคนจบมาจากมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยด้วยกัน ท่านเป็นรุ่นพี่ที่สร้างชื่อเสียงให้กับมหาจุฬา ฯ ค่อนข้างมาก

เราสองคนพูดคุยค่อนข้างนาน ท่านปรารถถึงสถานการณ์พระพุทธศาสนา สถานการณ์พระสงฆ์ ร่วมทั้งวิถีชีวิตชาวพุทธบ้านเราว่า ปัจจุบันคนไทยจำนวนมากห่างไกลจากวิถีดั้งเดิมแบบชาวพุทธที่ปู่ย่าตายายเราปฎิบัติสืบต่อกันมาค่อนข้างมาก ไม่ค่อยสนใจวัฒนธรรมและประเพณีแบบชาวพุทธ ชาวพุทธจำนวนมากทิ้งละเลยการปฎิบัติตนตามหลัก  คนไม่ค่อยสนใจต่อสถาบันหลักของชาติ เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ

ในฐานะคนคุ้นเคยและเคารพซึ่งกันและกัน ผมสะท้อนกลับไปว่า เราสองคนมีเป้าหมายเดียวกันคือ เพื่อพระพุทธศาสนาและเพื่อสถาบันพระมหากษัตริย์..สังคมพุทธบ้านเรามันเริ่มผิดเพี้ยนตั้งแต่คณะสงฆ์แล้ว คณะสงฆ์จำนวนมาก หันไปพึ่งวัตถุนิยมเกินควร ไปอิงกับอำนาจรัฐจนละเลยความมั่นคงทางพระธรรมวินัย เสรีภาพทางศาสนา ละเลยการส่งเสริมปลูกฝังวิถีแบบชาวพุทธให้รักสันโดษ กตัญญูต่อพระรัตนตรัย

คณะสงฆ์ อยู่ได้ด้วยความเชื่อ เชื่อว่า ท่านเป็นคนดี เชื่อว่าท่านเป็นพระสุปฎิปันโนและเชื่อว่าท่านเข้ามาบวชเพื่อเดินตามรอยสมณโคดม..

ชาวพุทธจำนวนมาก เมื่อเราอ่านพระไตรปิกฎ หรือประวัติของภิกษุ เช่น หลวงปู่มั่น หลวงปู่ชา หลวงพ่อพุทธทาส หันกลับไปมองการใช้ชีวิตของพระสงฆ์ยุคปัจจุบัน..มันต่างกันอย่างสิ้นเชิง

ชาวพุทธจำนวนมาก เมื่อเห็นวิถีชีวิตพระภิกษุบางรูปที่ผิดเพี้ยนจากการรู้ จึงเบื่อหน่ายต่อวิถีพุทธ เพราะไปคิดเอาเองว่า พระพุทธศาสนา คือ พระสงฆ์ และ พระสงฆ์ก็คือ..พระพุทธศาสนา อันนี้เราต้องแก้ไข การส่งเสริมให้ชาวพุทธก่อนนอนไหว้พระสวดมนต์ ก่อนออกจากบ้านไหว้พระ..สังคมไทยเลยจุดนั้นมาแล้ว

สิ่งที่ควรจะทำตอนนี้ คือ ต้องหานักประสานมืออาชีพ ต้องหาคนมีบารมี จับมือร่วมกันทำงาน เพื่อ พระพุทธศาสนา

การสร้างเครือข่ายชาวพุทธ ค่อนข้าง จำเป็น การสร่างเครือข่ายมันจะทำได้ มันต้องลงชุมชน มันต้องไปพูดคุยกับชาวบ้าน นักปราชญ์ชุมชน ไวยาวัจจกร หรือแม้กระทั้งสมาคมพุทธตามจังหวัดต่าง ๆ  และพระสงฆ์ที่มีใจ

และหากเป็นไปได้ เมื่อความคิดตกผลึก สิ่งที่จะตามมาคือนั่นคือ “ธรรมนูญวิถีพุทธ” ธรรมนูญวิถีพุทธ คือ หลักปฎิบัติตามแนวพุทธศาสนาของแต่ละชุมชน ของแต่ละหมู่บ้านให้ยึดปฎิบัติ ซึ่งอาจเหมือนหรือไม่เหมือนกันก็ได้

การรุกคืบของต่างศาสนา การรุกคืบของวิถีปฎิบัติวัฒนธรรมอื่น ๆ ที่ได้ผล เพราะสังคมไทย หมู่บ้านต่าง ๆ ไม่มีระเบียบปฎิบัติ ชาวบ้านหวังพระสงฆ์ ส่วนพระสงฆ์ก็หวังชาวบ้านเข้ามาช่วย สุดท้าย..ต่างคนต่างละเลยหน้าที่ วิถีชีวิตของชุมชนหมู่บ้านจึง..ล่มสลาย

การปกป้องพระพุทธศาสนาก็คือการปกป้องพระธรรมวินัย พระสงฆ์ และสถาบันพระมหากษัตริย์ อันนี้ต้องยอมรับความจริง และเรื่องนี้หากจะทำอย่างทำเฉพาะในประเทศไทย..ควรทำระดับอาเซียน จับมือกับกลุ่มชาวพุทธในประเทศที่นับถือพระพุทธศาสนา

สุดท้าย..ปรารภกับ ดร.บรรจบ บรรณรุจิ ว่า สิ่งสำคัญที่สุดของการทำงานคือ เงินและคน เงินแม้จะหายาก..แต่สุดท้ายเวลาทำงาน คนที่จริงใจและมุ่งมั่นไม่เห็นแก่เงินต่างหาก..หายากยิ่งกว่า