posttoday

'อเวจี' นรกของคนบาปหนา

11 มกราคม 2553

โดย...อ.ตุ้ย วรธรรม

โดย...อ.ตุ้ย วรธรรม

อเวจีมหานรก เป็นนรกสำหรับคนบาปหนา ผู้มีใจโหดเหี้ยมอำมหิต คือ ผู้ที่ทำบาปหนัก กรรมหนัก ซึ่งในพระพุทธศาสนาหมายถึงคนที่ทำอนันตริยกรรม

ได้แก่ ผู้ที่ฆ่าพ่อ ฆ่าแม่ ไม่ว่าจะทำเองหรือใช้ให้คนอื่นทำก็ตาม ฆ่าพระอรหันต์ ทำร้ายพระพุทธเจ้าจนพระโลหิตห้อ และการทำสังฆเภท คือ ยุยงหรือทำลายสงฆ์ให้แตกเป็นสองฝ่าย
เรียกว่าถ้าทำอนันตริยกรรมทั้งห้านี้ก็ไม่ต้องไปแวะนรกขุมไหนก่อนเลย ถ้าตายไปแล้วก็ต้องไปลงนรกขุมนี้แน่นอน เพราะเป็นนรกของคนบาปหนา

อวิจิ หรือ อวีจิ หรือ อเวจี ได้แก่ นรกที่ไม่ว่างเว้นจากเปลวไฟ ทุกข์ และสัตว์ กล่าวคือ จะมีเปลวไฟ ทุกข์ และสัตว์ตลอดกาล ใหญ่กว่านรกทั้งหลาย น่ากลัวสยดสยองเป็นยิ่งนัก แลเหมือนเมืองใหญ่ ล้อมรอบด้วยกำแพงเหล็ก ลุกโพลงด้วยเปลวไฟ ภายในมีเปลวไฟร้อนระอุ ไหม้สัตว์นรกอยู่ตลอด ทั้งกลางวันกลางคืน ไม่มีว่างเว้น

สัตว์ที่ไปเกิดอยู่ในมหานรกนี้ มากกว่าในนรกขุมอื่น แออัดเบียดเสียดกันอยู่ เสวยทุกข์โทษแตกต่างกันไป เช่น ถ้าเคยยืนทำบาปก็ต้องมายืนทนทุกข์อยู่ เคยเดินทำบาปไว้ก็ต้องมาเดินทนทุกข์

เคยนั่งทำบาปไว้ก็ต้องมานั่งเสวยทุกข์อยู่ในนรกนี้ เรียกว่าเคยทำบาปอะไรไว้ ด้วยอาการอย่างไร ก็ต้องมาเสวยทุกข์โทษอยู่ในนี้ด้วยอาการเช่นนั้น

ไม่มีการหยุดพักแม้แต่สักชั่วระยะเวลาหนึ่งสัตว์นรกต้องได้รับความทุกข์อย่างหนักอยู่ตลอดเวลา ไม่มีการผ่อนหนักผ่อนเบา เรียกว่าหนักเต็มพิกัด

สำหรับสัตว์ในนรกขุมนี้ ไม่สามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้เพราะร่างจะถูกตรึงด้วยหอกเหล็กแดงที่ยึดจากกำแพงอีกด้านหนึ่งไปอีกด้าน

จากด้านเหนือไปด้านใต้ จากด้านใต้ไปด้านเหนือ จากตะวันออกไปตะวันตก จากตะวันตกไปตะวันออก และจากด้านบนลงไปด้านล่าง จากด้านล่างขึ้นไปด้านบน เป็นสิบๆ เล่ม จึงไม่สามารถจะขยับเขยื้อนได้แม้แต่น้อย

เมื่อถูกไฟนรกนั้นเป็นไฟละเอียด มีความร้อนสูงชนิดที่มองไม่เห็นเปลวไฟไหม้ตลอดเวลา ร่างของสัตว์จะเห็นแต่กระดูกแดงฉาน

ต้องทนทุกข์ทรมานอย่างสาหัส ทั้งไม่มีโอกาสได้หยุดพักหรือดิ้นรนเพื่อความบรรเทาทุกขเวทนาได้แม้แต่น้อยนิดเนื่องจากมีวิบากอันเป็นอกุศลกรรมสนองไว้

ถึงแม้ร่างกายเลือดเนื้อจะไหม้หมด เหลือแต่โครงกระดูกที่ถูกแผดเผาจนแดงฉานอยู่ตลอดเวลาก็ตาม สัตว์นั้นๆ ก็หาได้ตายลงไปหรือคลายจากทุกขเวทนาไปไม่

กลับได้รับทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัสอยู่ตลอดเวลา อยู่ทุกขณะจิต ในระหว่างที่รับผลจากวิบากกรรมหนักที่ตนได้เคยก่อไว้

ส่วนเกณฑ์อายุของสัตว์ในอเวจีมหานรกนี้มีประมาณ 1 กัป ซึ่งนับเป็นระยะเวลาที่ยาวนานกว่าบรรดามหานรกทั้งหมด

ตัวอย่างคนตกนรกขุมนี้ คือ พระเทวทัต เนื่องจากเมื่อครั้งมีชีวิตคิดที่จะเป็นใหญ่ อยากเป็นพระพุทธเจ้า จึงคิดปลงพระชนม์พระพุทธเจ้าหลายครั้งหลายวิธี

และวิธีหนึ่งคือการกลิ้งศิลาลงจากภูเขาหมายปลงพระชนม์ ปรากฏสะเก็ดหินที่หล่นไปนั้นกระทบกับแง่งหินใหญ่ทำให้แตกกระเด็นไปกระทบพระบาทของพระพุทธเจ้าจนเกิดพระโลหิตห้อหรือมีพระโลหิตคั่งอยู่

ไม่เพียงเท่านั้น พระเทวทัตยังทำสงฆ์แตกเป็นสองฝ่ายอีกด้วย ซึ่งด้วยผลแห่งกรรมนี้นำให้ท่านไปเสวยวิบากอยู่ในอเวจี ถูกตรึงด้วยหอกเหล็ก หลาวเหล็ก และถูกไฟเผาตลอด ถึงขณะนี้พระเทวทัตยังคงรับโทษนั้นอยู่

รู้อย่างนี้อย่าทำกรรมอะไรที่จะถูกคนตราหน้าว่าคนบาปหนา...ไม่อย่างนั้นอเวจีก็เป็นอันหวังได้เมื่อล่วงลับไปแล้ว