posttoday

ก้าวสู่ชีวิตใหม่ในปีใหม่ด้วยการศึกษา ปัจจัยสัมพันธ์แห่งธรรม (๔)

06 มกราคม 2553

โดย...พระอาจารย์อารยะวังโส [email protected]

โดย...พระอาจารย์อารยะวังโส [email protected]

ปุจฉา : จะดำเนินชีวิตอย่างไร เนื่องในโอกาสที่จะย่างเข้าสู่ปีใหม่ พุทธศักราช ๒๕๕๓ เพื่อจะได้ถึงซึ่งประโยชน์สุขตามหลักคำสอนในพระพุทธศาสนา ใคร่ขอความเมตตาช่วยแนะนำสั่งสอนแก่ชาวไทยด้วย ... เทอญ

กราบนมัสการด้วยความเคารพ
อารีย์ เตชะหรูวิจิตร

วิสัชนา : ต้องร่วมเพ่งพิจารณาปัญหา สืบสาวค้นหาสาเหตุ แยกแยะดูความสัมพันธ์ของปัจยาการอันเกื้อกูลกันให้ปรากฏผลดังที่เป็นอยู่ เพื่อสรุปแนวทางในการช่วยฟื้นฟูชาติให้กลับคืนมาสู่ความเป็นชาติไทยที่สงบ อุดมสมบูรณ์ด้วยคุณความดี มีกลิ่นศีล มีกลิ่นธรรมหอมฟุ้งไปทั่วทุกถิ่นฐาน เป็นที่ยอมรับไปในหมู่ชนนานาอารยประเทศว่า “บ้านนี้ เมืองนี้เป็นแดนอารยธรรม มีความศิวิไลซ์ น่าเดินทางมาเยี่ยมชม ประชาสังคมมีแต่ความสุขใจ รู้รักสามัคคี มีความเป็นมิตรไมตรีกันถ้วนหน้า เด็กเคารพผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่เมตตาเอ็นดูเด็ก ว่ากล่าวสั่งสอน ปฏิบัติตามกันไปเป็นแบบแผนเดียวกัน มีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน มีความเป็นเอกลักษณ์ของความเป็นไทยอย่างแท้จริง อันน่าชื่นชมสรรเสริญยิ่ง...”

จากที่กล่าวบรรยายมา หากสาธุชนอยู่ในวัยที่มีอายุ ๔๐ ปีขึ้นไป คงจะไม่ปฏิเสธว่าสังคมไทยดั้งเดิมเรามีแบบฉบับที่เรียบร้อยสวยงามจริงๆ แม้ไม่ได้เจริญทางด้านวัตถุและเทคโนโลยีอะไรมากมาย แต่ความเจริญทางจิตใจนั้นสูงส่งยิ่งนักด้วยปัจจัยสัมพันธ์ที่ดีในสังคมไทยวิถีพุทธ ซึ่งก่อร่างให้โครงสร้างทางสังคมแข็งแรง จนสืบทอดชาติไทยมาจนถึงทุกวันนี้ ซึ่งกลับกันหรือผกผันต่อกันเกือบสิ้นเชิงกับสภาพสังคมคาราโอเกะปัจจุบันที่มีความเจริญทางด้านเทคโนโลยีและดารดาษเกลื่อนกลาดไปด้วยวัตถุกามในยุควัตถุนิยม จนคนในสังคมสูญเสียภาวะจิตนิยม (จิตตนิยม) จนเข้าสู่ยุคความเสื่อมโทรมทางจิตด้วยแรงกดทับของกิเลสกามที่เพิ่มพูนมากยิ่งขึ้น เพราะการให้ความสำคัญในวัตถุกามเป็นใหญ่ สังคมจึงเริ่มอาเพศเพราะประชาสัตว์ในสังคมเป็นโรคแปรปรวนทางจิต (จิตเภท) กันมากมาย ทั้งนี้เพราะพื้นฐานแห่งความเป็นคนปกติสูญสิ้นไปเพราะความขาดศีลเสื่อมธรรมที่ต้องใช้ในการดำรงตนตามฐานะ จึงควรอย่างยิ่งที่ทุกๆ คนในสังคมไทยจะต้องร่วมกันรับผิดชอบโดยการนำศีลธรรมคืนกลับสู่สังคมไทย เพื่อความเป็นชาติไทยที่เข้มแข็งมั่นคงตามวิถีพุทธอีกครั้งหนึ่ง โดยการเริ่มต้นที่ตัวของเราเองเป็นปฐมหรือเริ่มแรก และชักชวนคนในครอบครัว เชิญชวนคนในสังคมให้ร่วมกันรักษาศีลเพื่อคืนกลับความเป็นปกติให้กับสังคมไทย อันเป็นแดนอารยธรรมตามวิถีพุทธ

อย่างไรก็ตาม นอกเหนือจากการทำบุญให้ทาน รักษาศีล เพื่อสร้างคุณธรรมให้เกิดขึ้นในดวงจิต เพื่อพัฒนาจริตให้มีคุณธรรม โดยจะเกิดขึ้นได้เมื่อทุกๆ คนต้องมีจริยธรรมอันสืบเนื่องมาจากแบบแผนการปฏิบัติที่ดีงามของสังคมที่เรียกว่า ศีลธรรม ซึ่งยังสมบูรณ์ไม่ได้หากขาดการอบรมจิตตภาวนา เพื่อเพิ่มพูนกำลังสติปัญญาให้กล้าแข็งในการที่จะรู้จักสร้างความคิด รู้จักการพินิจพิจารณา มองโลกอย่างเข้าใจด้วยธัมมะที่ประกอบอยู่ในดวงจิต รู้จักขบคิดจนแจ้งจิตด้วยสติปัญญา เพื่อการดำรงชีวิตอย่างมีคุณภาพ เพื่อการดำเนินชีวิตอย่างมีคุณธรรม จึงต้องรู้จักภาวนา (ภาวนํภาเวตฺวา) รู้จักการฝึกหัดทำสมาธิภาวนา ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญยิ่งกับการเกิดมาเป็นมนุษย์ที่ประเสริฐ มีโอกาสวาสนาได้พบพระพุทธศาสนา

หากเปรียบเหมือนบุคคลที่มีเสบียงพร้อมแล้ว (ทาน) มีร่างกายสมบูรณ์ มีกำลังวังชาที่ดีแล้ว (ศีล) แต่บุคคลนั้นเป็นบุคคลตาบอด เขาผู้นั้นก็ไม่สามารถที่จะเดินทางไปสู่ที่หมายตามความปรารถนาได้ จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีสายตาที่ดี (ภาวนา/ปัญญา) เพื่อจะได้เดินทางไปสู่ที่หมายตามความมุ่งหมายแห่งชีวิตของแต่ละบุคคล

อ่านต่อฉบับหน้า

**ส่งคำถามหรือ แสดงความเห็นในเรื่องต่างๆได้ที่ คอลัมน์ธรรมส่องโลก หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ อาคารบางกอกโพสต์ 136 ถนน ณ ระนอง แยกสุนทรโกษา คลองเตย กทม. 10110 โทรสาร 02-671-3132