posttoday

พระครูประโชติฯ ต้องไม่ตายฟรี

27 มกราคม 2562

โดย: สมาน สุดโต

โดย: สมาน สุดโต


ขึ้นปีใหม่ พ.ศ. 2562 มาได้เพียง 18-19 วัน ประเทศไทย เมืองพระพุทธศาสนา มีข่าวฆ่ากันตายแบบยกครัว ฆ่ากันตายเพราะพิษรักแรงหึง ลูกฆ่าพ่อ แม่ฆ่าลูก และสารพัดการตาย จนกระทั่งรู้สึกคลื่นเหียน เวียนหัวไปหมดว่า ทำไมประเทศไทยที่รักของเราจึงมีแต่ข่าวฆ่ากันเองได้ทุกวัน

ในขณะที่โจรก่อการร้ายในภาคใต้ ก็ไม่เคยรั้งรอ ปฏิบัติการฆ่าคนไทยพุทธถี่ยิบ ที่สะเทือนใจหนักมาก คือ เมื่อคืนวันที่ 18 ม.ค. 2562 คนร้ายบุกวัดรัตนานุภาพ หรือ วัดโคกโก อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส ยิงถล่มใส่กุฏิพระ ทำให้ พระครูประโชติรัตนานุรักษ์ (พระอาจารย์สว่าง) เจ้าคณะอำเภอสุไหงปาดี และเจ้าอาวาสวัดรัตนานุภาพ มรณภาพ พร้อมพระลูกวัด รวม 2 รูป บาดเจ็บ 2 รูป

การบุกเข้าไปสังหารพระถึงในวัดอันเป็นเขตบุญ เขตอภัยทานนั้นเพิ่งเกิดที่วัดโคกโก หรือวัดรัตนานุภาพ เป็นครั้งแรก เย้ยหยันคนไทยมาก ส่วนพระครูประโชติรัตนานุรักษ์ หรือพระอาจารย์สว่างนั้นเป็นพระนักพัฒนา อุทิศชีวิตเพื่อประเทศชาติ และพระพุทธศาสนา ฐานะและตำแหน่งของท่านเป็นพระระดับผู้ปกครองรูปหนึ่ง

การตายของพระผู้ใหญ่ระดับนี้ แทนที่จะได้ฟังเสียงผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้านเมืองให้กำลังใจชาววัด ชาวพุทธ กลับบอกว่า อย่าตอบโต้ มิเช่นนั้นจะเข้าแผนที่เขาต้องการดึงนานาชาติเข้ามา ส่วนรองนายกรัฐมนตรีที่ดูแลด้านความมั่นคงก็พูดคล้ายๆ กัน ท่านทราบไหมว่าการพูดซ้ำบ่อยๆ ว่าอย่ารุนแรง อย่าตอบโต้นั้นไม่ช่วยบรรเทาความรู้สึกเศร้าใจ และความหวาดกลัวของคนไทยในพื้นที่ได้เลย ในขณะที่ความรุนแรงก็ยังมีต่อไป แม้ว่าคนของรัฐ ทั้งทหาร ตำรวจ ครู พระสงฆ์และประชาชนจะล้มตายไปมากก็ตาม สถิติว่าตายถึง 6,687 คน ในช่วง 14 ปี ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2547 ถึงสิ้นปี พ.ศ. 2560 ส่วนพระนั้นตายไป 21 รูป

เมื่อพระถูกสังหารอย่างอุกอาจในวัด ทำให้ผู้ที่เป็นห่วงพระพุทธศาสนา อยากเห็นมาตรการให้กำลังใจพระสงฆ์มากกว่านี้ จึงเรียกร้องมหาเถรสมาคม (มส.) ที่มี สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็พระสังฆราช เป็นประธาน ว่าควรมีมาตรการยกย่องพระสงฆ์ทุกรูป นับแต่พระสังฆาธิการถึงพระลูกวัดใน 3-4 จังหวัดชายแดนใต้ ให้มีฐานะเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐระดับหนึ่ง เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ ที่ทำหน้าที่ปกป้องพระพุทธศาสนา ด้วยความเสียสละ เหมือนเจ้าหน้าที่ของรัฐ

กรณีพระครูประโชติรัตนานุรักษ์ หรือพระอาจารย์สว่าง ควรเป็นกรณีตัวอย่างที่ มส.ควรประกาศว่าท่านมรณภาพในหน้าที่ ต้องได้รับการปูนบำเหน็จความดีความชอบเหมือนข้าราชการคนหนึ่ง ถึงแม้จะแต่งตั้งหรือเพิ่มยศ
เพิ่มตำแหน่งไม่ได้ แต่พิธีศพต้องได้รับการยกระดับ เพื่อเป็นเกียรติยศแก่วงศ์ตระกูล และอย่าปล่อยให้โยมบิดา มารดา ที่อยู่ข้างหลังต้องว้าเหว่ ต้องปูนบำเหน็จให้ตามสมควร

ผู้เขียนอยากเห็น มส.ยกการมรณภาพของพระครูประโชติฯ ให้เป็นต้นเรื่องในการกำหนดหลักการ เพื่อยกฐานะพระสงฆ์ที่ปฏิบัติหน้าที่ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ให้เป็นข้าราชการระดับหนึ่ง ซึ่งหลักการนั้นจะเป็นอนุสรณ์ ช่วยให้การมรณภาพ หรือการตายของพระครูประโชติรัตนานุรักษ์ ไม่ตายฟรี