posttoday

ศูนย์พิทักษ์ฯ จัดงานทำบุญอุทิศกุศล แด่พระครูประโชติรัตนานุรักษ์

27 มกราคม 2562

เรื่อง วรธาร ภาพ DDTV

เรื่อง วรธาร ภาพ DDTV


ประเทศไทยคือดินแดนพระพุทธศาสนามาตั้งแต่โบราณกาล วัดและพระสงฆ์ถือเป็นศูนย์รวมจิตใจของประชาชนคนไทยมาโดยตลอด เป็นภาพที่เราชาวพุทธรับรู้และสัมผัสได้

โดยเฉพาะวัดจำนวน 200 กว่าวัด และพระสงฆ์ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เฉพาะอย่างยิ่ง วัดและพระสงฆ์ที่อยู่ในเขตพื้นที่เสี่ยงภัยอันตรายจากกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบในพื้นที่ ความเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวพุทธของสถาบันศาสนาอย่างวัดและพระสงฆ์ที่อยู่ในวัด ฉายให้เห็นภาพดังกล่าวชัดเจนกว่าวัดและพระสงฆ์ในภาคอื่นๆ มาก

ด้วยว่า คราใดก็ตามที่เกิดเหตุการณ์โจรผู้ก่อความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้ก่อการประทุษร้ายพระสงฆ์ รุกฆาตเอาชีวิตผู้ไม่เคยคิดเบียดเบียนใคร ไม่เคยมีอาวุธในมือ มีแค่บาตรใบเดียวและมีผ้าห่มกายเพียง 3 ผืน ด้วยวิธีการที่รุนแรงและโหดเหี้ยมไร้มนุษยธรรม ชาวพุทธที่อยู่ในพื้นที่ต้องอกสั่นขวัญแขวน เพราะสูญเสียขาดบุคคลที่เป็นศูนย์รวมจิตใจและเป็นทั้งกัลยาณมิตร รู้สึกว่าตัวเองตกอยู่ในความไม่ปลอดภัย ไม่มีความอุ่นใจ มีแต่ว้าเหว่ อ้างว้าง เดียวดาย กังวลและความกลัว

เหตุการณ์ที่โจรผู้ก่อการร้ายบุกเข้ามาในวัดรัตนานุภาพ บ้านโคกโก อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส เมื่อเวลา 20.30 น.โดยประมาณของวันที่ 18 ม.ค. (ตรงกับวันกองทัพไทย) ยิงพระครูประโชติรัตนานุรักษ์ เจ้าอาวาสวัดรัตนานุภาพ พร้อมพระลูกวัดอีก 3 รูป เป็นเหตุให้เจ้าอาวาสและพระลูกวัดอีก 1 รูป มรณภาพ ส่วนอีก 2 รูปได้รับบาดเจ็บ ถือเป็นเหตุการณ์ที่สร้างความสะเทือนใจให้กับชาวพุทธและสร้างความเสียขวัญให้กับพระสงฆ์และชาวพุทธในพื้นที่อย่างยิ่ง

ศูนย์พิทักษ์ฯ จัดงานทำบุญอุทิศกุศล แด่พระครูประโชติรัตนานุรักษ์

ต้องไม่ลืมว่า นี่คือการสูญเสียพระผู้ใหญ่ที่เป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวพุทธในพื้นที่และใน อ.สุไหงปาดี เพราะท่านเป็นพระนักพัฒนา เป็นทั้งเจ้าคณะอำเภอสุไหงปาดี และเป็นประธานเครือข่ายพระธรรมทูตอาสาจังหวัดนราธิวาส การสูญเสียครั้งนี้จึงเป็นการสูญเสียพระสงฆ์ที่เสียสละทำงาน ตั้งใจอุทิศตนเพื่อพระพุทธศาสนาโดยไม่เกรงต่ออันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ

“การสูญเสียครั้งนี้เป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของชาวพุทธและคณะสงฆ์ ต้องยอมรับว่าในพื้นที่เสี่ยงภัยอันตรายชาวพุทธเราอยู่ได้ก็เพราะมีกำลังใจจากวัดและพระสงฆ์ในพื้นที่ ดังนั้นการที่ผู้ก่อการร้ายพุ่งเป้ามาที่วัดทำร้ายพระสงฆ์ในครั้งนี้จึงเท่ากับทำลายจิตใจชาวพุทธไปด้วย” พระครูปลัดกวีวัฒน์ (ธีรวิทย์ ฉนฺทวิชฺโช) รองเลขาธิการศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศ พูดถึงการมรณภาพของพระครูประโชติรัตนานุรักษ์จากเหตุการณ์ถูกกลุ่มโจรบุกยิงที่วัดเมื่อวันที่ 18 ม.ค.ที่ผ่านมา

พระครูปลัดกวีวัฒน์ กล่าวว่า สิ่งที่ชาวพุทธทั่วประเทศจะทำได้ในตอนนี้คือ การส่งกำลังใจไปให้ชาวพุทธและพระสงฆ์ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ในทันทีและต่อเนื่องตลอดไป เพื่อเป็นการแสดงให้เห็นว่าเราชาวพุทธยังห่วงใยเสมอ ทั้งรับรู้และเข้าใจถึงความรู้สึก ความเจ็บปวดและความสูญเสียดังกล่าว

“เมื่อวานนี้ (23 ม.ค.) ศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทยเองก็ได้ร่วมกับ DDTV จัดงานบำเพ็ญกุศลอุทิศให้กับพระครูประโชติรัตนานุรักษ์ และพระลูกวัดอีก 1 รูป ที่มรณภาพ ที่คณะใต้ วัดราชาธิวาส ถนนสามเสน โดยเชิญชวนพี่น้องชาวพุทธในประเทศไทยมาร่วมทำบุญอุทิศกุศลและทอดผ้าป่าเพื่อนำปัจจัยไปร่วมสมทบกับการจัดงานบำเพ็ญกุศลที่วัดรัตนานุภาพต่อไป

ศูนย์พิทักษ์ฯ จัดงานทำบุญอุทิศกุศล แด่พระครูประโชติรัตนานุรักษ์

พร้อมกันนี้ ได้ร่วมแสดงความรู้สึกไว้อาลัยต่อการจากไปของท่านพระครูประโชติรัตนานุรักษ์ ในฐานะที่ท่านเป็นศูนย์รวมจิตใจของคนไทยและชาวพุทธ โดยเฉพาะในพื้นที่ อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส และในฐานะที่ท่านเป็นพระนักพัฒนารูปหนึ่ง ที่มุ่งมั่นทำงานเพื่อนำสันติไปสู่พื้นที่ โดยไม่คำนึงถึงอันตรายที่จะเกิดขึ้นกับชีวิตของตัวเอง”

รองเลขาธิการศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย กล่าวต่อว่า อยากให้คนไทยได้ส่งกำลังใจไปให้ชาวพุทธและพระสงฆ์ในพื้นที่อยู่เนืองๆ ไม่ให้ขาดความต่อเนื่อง ไม่อยากให้เป็นแค่หนึ่งกิจกรรมที่เป็นความตื่นตัวชั่วคราว พอข่าวหายไปคนก็ลืมกันไป แล้วพอมีพระภิกษุรูปใหม่มรณภาพแบบนี้อีก ก็มาตื่นตัวกันอีก ไม่อยากให้เป็นอย่างนั้น

“อาตมาอยากเรียกร้องให้ภาครัฐก็ดี ชาวพุทธก็ดี ทั่วประเทศ ร่วมกันกำหนดมาตรการป้องกันที่เป็นการสร้างขวัญกำลังใจ ความอุ่นใจ และความปลอดภัย ให้กับพระสงฆ์และชาวพุทธในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จึงอยากจะใช้โอกาสนี้สื่อสารไปยังภาครัฐและชาวพุทธทั่วประเทศ

ในเมื่อท่านมรณภาพไปแล้ว ก็ไม่อยากให้การมรณภาพของท่านต้องสูญเปล่า เราชาวพุทธและภาครัฐควรจะต้องลุกขึ้นมากำหนดมาตรการอะไรสักอย่างขึ้นมา เพื่อเป็นการสร้างขวัญกำลังใจ ให้กับทั้งพระและชาวบ้านได้อยู่อย่างอุ่นใจ ดำเนินชีวิตอย่างปกติสุขทุกวัน ไม่ต้องมาหวาดระแวงภัยที่จะเกิดขึ้น”

พระปลัดกวีวัฒน์ กล่าวว่า หลายโครงการที่ผ่านมาเป็นโครงการที่ดี เช่น โครงการในพระราชดำริของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 พระองค์ท่านได้เสด็จฯ ลงพื้นที่พบปะประชาชนและได้พระราชทานแนวทางเพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับชาวบ้านได้รู้จักวิธีป้องกันตนเอง อยากให้ทางบ้านเมืองสานต่อให้เข้มแข็ง

ศูนย์พิทักษ์ฯ จัดงานทำบุญอุทิศกุศล แด่พระครูประโชติรัตนานุรักษ์

“อีกอย่างหนึ่งที่อาตมาคิดว่าทำได้และเป็นไปได้ ก็คือวัดในประเทศไทยที่มี 3 หมื่นกว่าวัด ให้ช่วยกันดูวัดในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่มีอยู่ 200 กว่าวัดอย่างเป็นกิจจะลักษณะเป็นเครือข่ายที่เข้มแข็ง แต่ทำอย่างไรจะมีผู้รับหน้าที่อาสาประสานงานเครือข่ายตรงนี้ขึ้นมา เชื่อว่า 3 หมื่นกว่าวัด ดูแล 200 กว่าวัดได้สบาย เพียงแต่ในการบริหารจัดการวัดไหนจะดูแลตรงไหนอย่างไรนั้น ต้องหาคนมาสร้างเครือข่ายตรงนี้ให้ได้ก่อน"

รองเลขาธิการศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ความจริงอย่างหนึ่งที่ชาวพุทธต้องรู้ก็คือ ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เมื่อพระสงฆ์และชาวพุทธ โดยเฉพาะพระสงฆ์พอถูกคุกคามจากผู้ก่อความไม่สงบในพื้นที่ ท่านสามารถไปหาวัดใหม่อยู่นอกพื้นที่เสี่ยงภัยได้ แต่ไม่มีความคิดที่จะเอาตัวรอดคนเดียว เพราะท่านคิดว่ายังมีชาวบ้านที่ต้องคอยดูแลและอยู่เป็นขวัญกำลังใจไปด้วยกัน

"อาตมาเคยลงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มาแล้วหลายครั้ง ตั้งแต่ปี 2547 มีครั้งหนึ่งได้ไปเยี่ยมวัดแห่งหนึ่ง หลวงพ่อเจ้าอาวาสอายุเยอะแล้ว ก็ถามท่านว่าทำไมหลวงพ่อไม่ย้ายไปที่อื่น เพราะตรงนี้เป็นพื้นที่เสี่ยงภัย ท่านตอบพลางชี้มือไปที่ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งแล้วพูดว่า รกผม (รกที่ท่านเกิด) ถูกฝังอยู่ใต้ต้นไม้ต้นนั้นแหละ

พอฟังเท่านั้นเข้าใจถึงคำว่า “รกราก” เลย ท่านว่าในเมื่อปู่ของท่าน พ่อของท่านเกิดตรงนี้ จะให้ท่านหนีไปไหน ถ้าตายก็ต้องตายที่นี่ ตรงนี้ นี่คือความคิดจริงๆ ความรู้สึกจริงๆ ของพระสงฆ์ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมทั้งพระครูประโชติรัตนานุรักษ์ที่มรณภาพไปล่าสุด ท่านก็มีแนวคิดและความรู้สึกแบบนี้เช่นกัน เกิดที่ไหนก็ขอปักหลักตายที่นั่น และขออุทิศตนเพื่อพระพุทธศาสนาให้ถึงที่สุด” พระปลัดกวีวัฒน์ กล่าวทิ้งท้าย

ชาวพุทธที่ต้องการทำบุญเพื่อช่วยเหลือชาวพุทธและพระสงฆ์ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ สามารถบริจาคเงินเข้าบัญชี "กองทุนธารน้ำใจสู่ชาวไทยชายแดนใต้" ธนาคารกรุงเทพ สาขาบางลำพู ประเภทสะสมทรัพย์ เลขที่บัญชี 116-4-31022-7 โทร. 02-668-7988, 02-668-9061