posttoday

คืนวันไม่ผ่านไปเปล่า (2)

06 มกราคม 2562

หมายเหตุ - คอลัมน์ธรรมะหลังข่าว ฉบับวันที่ 30 ธ.ค. 2561 เรื่องคืนวันไม่ผ่านไปเปล่า โดยเจ้าประคุณสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ป.อ.ปยุตฺโต) เกิดความผิดพลาดด้านเทคนิค ที่แยกข้อความหมายเหตุออกเป็น 2 ส่วน โดยนำ ส่วนที่ 1 จัดวางที่ด้านล่างของบทความ นำส่วนที่ 2 เริ่มข้อความว่า - เนื่องในวันปีใหม่ ไปวางไว้ที่ตอนต้นของบทความ ทำให้สับสน ความจริงนั้นเป็นข้อความที่ไม่ควรแบ่งแยก จึงขอกราบขออภัยเจ้าประคุณสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ ในความผิดพลาดมา ณ ที่นี้

หมายเหตุ - คอลัมน์ธรรมะหลังข่าว ฉบับวันที่ 30 ธ.ค. 2561 เรื่องคืนวันไม่ผ่านไปเปล่า โดยเจ้าประคุณสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ป.อ.ปยุตฺโต) เกิดความผิดพลาดด้านเทคนิค ที่แยกข้อความหมายเหตุออกเป็น 2 ส่วน โดยนำ ส่วนที่ 1 จัดวางที่ด้านล่างของบทความ นำส่วนที่ 2 เริ่มข้อความว่า - เนื่องในวันปีใหม่ ไปวางไว้ที่ตอนต้นของบทความ ทำให้สับสน ความจริงนั้นเป็นข้อความที่ไม่ควรแบ่งแยก จึงขอกราบขออภัยเจ้าประคุณสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ ในความผิดพลาดมา ณ ที่นี้

ต่อจากนี้เป็นบทความ คืนวันไม่ผ่านไปเปล่า ต่อจากฉบับที่แล้ว -- สสต.

ตอนที่แล้วจบที่ วันนี้เรายิ้มได้บ้างหรือเปล่า --- ถ้าใจยังไม่เบิกบาน ปราโมทย์ ไม่ปลื้มปีติสักครั้ง ต้องทำให้ได้ (จากนี้เป็นความต่อจากตอนที่แล้ว)

ความรู้สึกอ้างว้าง ว่างเปล่าเดียวดาย อะไรต่างๆ นี่ครอบงำจิตใจของคนในสังคมปัจจุบันมาก เสร็จแล้วคนพวกนี้ก็วิ่งหนีตัวเอง ออกไปหาสิ่งภายนอกมาเติมให้กับตัวเอง สภาพอย่างนี้เรียกว่าเป็นสภาพของการที่ไม่สามารถอยู่คนเดียว หรือว่าไม่สามารถมีความสุขในการอยู่กับตนเอง

ทางพระพุทธศาสนา ท่านเปลี่ยนมาใช้วิธีการแบบพลิกกลับ โดยเปลี่ยนความเหงาเปล่าเปลี่ยวในการอยู่คนเดียว ไปเป็นการมีความสุขในการอยู่คนเดียวอย่างที่เรียกว่าอยู่เป็นสุขในวิเวก หรือวิเวกสุข ซึ่งเป็นจุดที่เน้นย้ำในพระพุทธศาสนา

พอทำให้คนอยู่เป็นสุขคนเดียวได้อยู่กับตัวเองได้ มีความเต็มอยู่ในตัวแล้ว ก็ไม่ต้องวิ่งไปหาที่เติมข้างนอก เพราะข้างในเต็มดีอยู่แล้ว ไม่พร่อง ไม่ว่างเปล่า ไม่กลวง เมื่อเขาออกไปสู่สังคมก็มีความชื่นชมเบิกบานเป็นสุขในหมู่อีก

เมื่อมีความทุกข์ อย่าตื่นเต้น แต่ต้องมองสถานการณ์ให้ถูกพอดี พอดี ไม่ร้ายเกินไป หรือดีเกินไป อย่ามองแคบๆ ให้มองไปข้างหน้า ว่าเราสามารถผ่านสถานการณ์อันเลวร้ายครั้งนี้ไปด้วยดี เรื่องทุกข์สุขเป็นของธรรมดา
คนเราก็อยากจะหนีทุกข์ประสบสุขเหมือนกันหมด แต่เมื่อเราอยู่ในโลกก็ต้องเจอกับมันทั้งสองอย่าง เป็นเรื่องธรรมดาหมุนเวียน เปลี่ยนไป เป็นอนิจจัง แต่เมื่อคิดได้เช่นนี้ก็ต้องไม่ปลงใจหรือปล่อยตัวมัวนอนสบาย ต้องมองเหตุผล ค้นเหตุปัจจัยและหาทางแก้ไขอย่างน้อยสุขทุกข์ก็มีทั้งแง่ดีแง่ร้าย ความทุกข์ใช้ไม่เป็นก็จะเป็นการบีบคั้นตัวเอง ทุกอย่างรอบตัวแย่ไปหมดทั้งกายใจ แต่ถ้าใช้เป็น มองทุกข์ให้ถูก ทุกข์นั้นก็จะเป็นประโยชน์

จงใช้ปัญญามองปัญหาที่ผ่านมา เหตุการณ์กรุงแตก สงครามโลก ยังแย่กว่านี้ตั้งมากมาย อย่าไปหมดหวัง เมื่อมีคนตกทุกข์อยู่สังคมเดียวกันก็ต้องช่วยเหลือกัน คนที่มีความทุกข์เองก็อย่าไปโดดเดี่ยวตัวเอง ต้องหา
ที่ปรึกษา หาแนวความคิดจากที่อื่นๆ ด้วย ให้มองทุกข์เป็นที่ทดสอบตัวเองว่า เราสบายมานาน พอเจอทุกข์แล้วจะไปรอดไหม หากผ่านได้ก็แสดงว่าเราเก่งพอสมควร จงใช้ทุกข์เป็นบททดสอบ เป็นบทเรียนและเป็นเวทีพัฒนาตนเอง เวลานี้เวทีพัฒนาตนเองมาถึงแล้ว ให้ใช้เวทีนี้ในการสู้ปัญหา พัฒนาปัญหาความสามารถ แล้วเราก็จะเกิดความภาคภูมิใจเมื่อประสบความสำเร็จ