posttoday

ครบรอบ 6 ปีละสังขาร ‘หลวงตามหาบัว’ ผู้นำฝ่า ‘วิกฤตต้มยำกุ้ง’ เหลือไว้แต่ความดี

06 สิงหาคม 2560

“เวลามีชีวิตอยู่นี้ เราจะทำความดีให้โลกทั้งหลายได้เป็นคติตัวอย่างอันดีงาม และทำด้วยความเมตตาสงสารต่อโลก เพราะหลังจากนี้แล้ว

โดย...เอกชัย จั่นทอง หมายเหตุ ข้อมูลอ้างอิงบางส่วน http://www.doisaengdham.org

“เวลามีชีวิตอยู่นี้ เราจะทำความดีให้โลกทั้งหลายได้เป็นคติตัวอย่างอันดีงาม และทำด้วยความเมตตาสงสารต่อโลก เพราะหลังจากนี้แล้ว...เราตายแล้ว...เราจะไม่กลับมาเกิดในโลกนี้อีกต่อไป เป็นตลอดอนันตกาล” นี้...เป็นสัจวาจาของท่านอาจารย์พระมหาบัว ญาณสัมปันโน

หลวงตามหาบัว ถือกำเนิดในครอบครัวชาวนาแห่งสกุล “โลหิตดี” ต.บ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี เมื่อวันอังคารที่ 12 ส.ค. 2456 ท่านเป็นเด็กที่เรียนหนังสือเก่ง มีความขยัน อดทน และมีความรับผิดชอบสูง หลวงตามหาบัว มีอุปนิสัยถือความสัตย์ความจริง ทำอะไรก็ทำจริง เวลาทำการทำงานจะไม่อยากให้คนรู้คนเห็น แม้ในยามบวชเป็นพระแล้ว เวลาทำความเพียร ท่านไม่ยอมให้ใครเห็นได้ง่ายๆ ทำทางจงกรมหลบอยู่ในป่า และในยามค่ำคืนต้องรอจนหมู่คณะขึ้นกุฏิหมดแล้ว ท่านจึงจะลงเดินจงกรม และที่โดดเด่นมาก คือ มีความอดทน

เมื่อเข้าสู่ช่วงอายุครบสมควรบวช พ่อของหลวงตามหาบัวได้ปรารภเรื่องนี้ขึ้น ในขณะที่กำลังรับประทานอาหารว่า มีลูกชายหลายคน แต่ไม่มีลูกคนใดคิดบวชให้ พอให้ได้เห็นผ้าเหลืองก่อนตาย ได้ตายอย่างเป็นสุข หายห่วง ลูกคนอื่นๆ พ่อไม่สนใจพอจะอาศัยใคร มีแต่ท่านเท่านั้นที่พอจะอาศัยได้

แต่พอพ่อขอให้บวชให้ทีไร ท่านไม่เคยตอบ ไม่เคยพูดเลย เหมือนไม่มีหูไม่มีปาก บทเวลาพ่อตายแล้ว จะไม่มีใครฉุดลากขึ้นมาจากหม้อนรก พ่อพูดว่า ถ้าพ่ออาศัยท่านไม่ได้แล้ว พ่อก็หมดหวัง เพราะลูกชายหลายคน พ่อหวังใจอาศัยท่านเท่านั้น

“พอพ่อว่าอย่างนั้น น้ำตาพ่อร่วงปุบปับ แม่เอง พอมองไปเห็นพ่อน้ำตาร่วง แม่ก็เลยน้ำตาร่วงเข้าอีกคน เราเห็นอย่างนั้น เกิดอาการสะเทือนใจทนดูอยู่ไม่ได้ ก็โดดออกจากวงรับประทานอาหาร ปุบปับหนีไปเลย นั่นแหละเป็นต้นเหตุให้เราตัดสินใจบวช”

จากนั้นหลวงตามหาบัวได้เข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ ได้บรรพชาอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ วัดโยธานิมิตร บ้านหนองขอนกว้าง ต.หนองบัว อ.เมือง จ.อุดรธานี เมื่อวันที่ 12 พ.ค. 2477 พระอุปัชฌาย์คือ ท่านเจ้าคุณพระธรรมเจดีย์ (จูม พนฺธุโล) วัดโพธิสมภรณ์ อ.เมือง จ.อุดรธานี ได้ให้ฉายานามว่า “ญาณสมฺปนฺโน” แปลว่า  “ผู้ถึงพร้อมด้วยญาณ”

นอกจากนี้ หลวงตามหาบัว ยังเป็นหนึ่งในศิษย์ของหลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต ซึ่งมีโอกาสรับใช้หลวงปู่มั่นและเป็นผู้หนึ่งที่ได้บันทึกประวัติของหลวงปู่มั่นโดยละเอียดในเวลาต่อมา

ตลอดช่วงเวลาที่ท่านมีชีวิตสร้างคุณงามความดีไว้แก่พระพุทธศาสนาอย่างมหาศาล และยังสร้างคุณูปการต่อประเทศชาติอย่างใหญ่หลวง ย้อนครั้งเกิดเหตุการณ์วิกฤตเศรษฐกิจปี 2540 หรือวิกฤตต้มยำกุ้ง คนไทยจำนวนมากตกงานไม่มีงานทำ สร้างความตกต่ำให้กับประเทศชาติอย่างหนักหน่วง ทำให้เกิดความชะงักทางเศรษฐกิจ กระทั่งหลวงตามหาบัวหยิบยื่นความเมตตาเข้าช่วยเหลือซับน้ำตาปัญหาประเทศชาติในขณะนั้น

ในช่วงปี 2541 หลวงตามหาบัวเปิดโครงการช่วยชาติหลวงตามหาบัว ที่รับบริจาคเงินและทองคำ ก่อนนำเข้าคลังหลวงเพื่อช่วยเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจในสมัยนั้น แม้ห้วงเวลาวิกฤตวันนั้นประชาชนทั่วทุกสารทิศต่างหลั่งไหลเหมือนสายน้ำนำเงินและของมีค่าบริจาคให้อย่างบริสุทธิ์ ล้วนแล้วหล่อหลอมมาจากความศรัทธาที่ทำให้วิกฤตช่วงเวลานั้นกลายเป็นการทำบุญพยุงชาติให้อยู่รอดต่อไป

ระยะเวลารับบริจาคล่วงเลยมาจนถึงปี 2554 โครงการดังกล่าวของหลวงตามหาบัว ยุติรับการบริจาคได้เงินและทองคำจำนวนมหาศาล สร้างความมั่งคั่งแก่เศรษฐกิจในประเทศอย่างมาก ถือว่าเป็นทุนสำรองไว้ใช้ในยามเกิดวิกฤต สิ่งที่ท่านสะสมทำไว้สร้างประโยชน์แก่คนไทยทุกคน จากความสามัคคีในวันนั้นทำให้เศรษฐกิจไม่ทรุดลงไปกว่าเดิม

ด้วยวัยและสังขารที่ชราภาพมาก ไม่นานหลวงตามหาบัว ญาณสมฺปนฺโน เจ้าอาวาสวัดป่าบ้านตาด ได้ละสังขารเมื่อวันที่ 30 ม.ค. 2554 เวลา 03.53 น. ภายในห้องปลอดเชื้อกุฏิหลวงตา รวมสิริอายุ 97 ปี 5 เดือน 18 วัน 77 พรรษา และในวันที่ 12 ส.ค.นี้ จะครบรอบ 6 ปี ของการจากไปของหลวงตามหาบัว         

แม้ท่านละสังขารไปแล้ว แต่ทุกวันนี้ลูกศิษย์ลูกหายังคงหลั่งไหลเข้าไปบริจาคทำบุญที่วัดป่าบ้านตาดเหมือนเช่นเดิมไม่เปลี่ยนแปลง หลายคนยังระลึกว่าหลวงตามหาบัวยังคงอยู่คู่กับประชาชนและลูกศิษย์ดั่งเดิม ทำนองเพียงจากไปแต่ร่างกายแต่ความดีและสิ่งที่หลวงตามหาบัวได้สั่งสอนไว้จะยังคงขจรขจายแผ่ไพศาลไปเหมือนเช่นเดิม