หัวใจที่ไม่ยอมแพ้

โดย...สธน เปลี่ยนจันทรสิริตระกูล

ตัวอย่างความสำเร็จมีให้เห็นอยู่มากมาย ความสำเร็จของ “ทินพันธุ์ วัฒนอัครโภคิน” หรือ “หมู” เด็กหนุ่มจากนครปฐม ก็ถือว่าน่าสนใจ น่าจะเป็นยาปลุกเร้าและความหวังของคนที่คิดจะทำธุรกิจอย่างไรให้ประสบความสำเร็จ

ณ ปัจจุบัน ทินพันธุ์ เป็นเจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวป้าจ๋า 23 ชั่วโมง ขนาดที่นั่ง 50 กว่าโต๊ะ ขายตลอด 23 ชั่วโมง พัก 1 ชั่วโมงเพื่อเตรียมความเรียบร้อยก่อนเปิดร้านในชั่วโมงถัดไป (ปิดตี 4 เปิดตี 5) อีกธุรกิจเป็นเจ้าของเฉาก๊วย “เต็งหนึ่ง” ที่กำลังมาแรงในเวลานี้ กล่าวคือ ถ้ามอง “เป๊บซี่” มีคู่แข่งคือ “โค้ก” มอง “ซัมซุง” มีคู่แข่งคือ “ไอโฟน” มอง “โออิชิ” มีคู่แข่งคือ “อิชิตัน” เฉาก๊วย “ชากังราว” ก็ต้องมีคือเฉาก๊วย “เต็งหนึ่ง” เป็นคู่แข่ง

ทั้งที่เต็งหนึ่งเพิ่งสร้างแบรนด์มาได้แค่ 4 ปี โดยปีแรก 1 ปีเต็มๆ ทินพันธุ์ ใช้เวลาไปกับการต้มเฉาก๊วยจนได้เนื้อเฉาก๊วยที่เหนียวตามที่ต้องการ เรียกว่าเทียบชั้นเฉาก๊วยเจ้าดังได้สบายๆ แต่กว่าจะต้มเฉาก๊วยสำเร็จต้องหมดทุ่มเงินไปร่วมแสน

ต่อมาปีที่สองเริ่มทำเฉาก๊วยขายในร้านข้าวมันไก่ของตัวเอง โดยผลิตเฉาก๊วยวันละ 60 กก. พร้อมกับการสร้างแบรนด์สินค้าให้คนรู้จักมากขึ้น กลยุทธ์ที่เขาใช้ในการสร้างแบรนด์และขยายสินค้าไปสู่ตลาดในช่วงปลายปีที่สองคือ ส่งเฉาก๊วยให้คนกินฟรีถึงบ้าน โดยใช้เฟซบุ๊กเป็นช่องทางหลัก (ปัจจุบันเปิดเว็บไซต์เพิ่มอีกช่องทาง)

หมู ทินพันธุ์ ได้เปิดเพจ “เฉาก๊วยเต็งหนึ่ง” ขึ้นมา โพสต์สินค้าลงไป ใครสนใจแท็กมาพร้อมส่งให้ชิมฟรีถึงบ้าน ไม่ซื้อไม่เป็นไร ขอแค่บอกให้รู้ว่าเฉาก๊วยเต็งหนึ่ง รสชาติและเนื้อเฉาก๊วยของเขาเป็นยังไง ติชมได้หมด

“ผมส่งให้ลูกค้าที่ติดต่อมาทางเพจชิมฟรีเยอะมาก ส่วนใหญ่เกือบทั้งนั้นเมื่อได้ชิมแล้วสั่งซื้อเฉาก๊วยของผมไปขายในรูปแบบของเฉาก๊วยนมสดบ้าง โบราณบ้าง ทำเป็นขนมหวานบ้าง ทำให้ผมมีฐานลูกค้าเยอะและหลากหลาย”

ในช่วงแรกผลิตวันละ 60 กก. ต่อมาเพิ่ม 100-120 กก. ปีที่ 3 ขึ้นมาที่ 500-600 กก. และขยับขึ้นไป 1,000 กก.ในช่วงปลายปี ส่วนปีนี้ยอดผลิตเมื่อต้นปี 2,000 กก. และกลางปีก็ขยับขึ้นไป 6,000 กก./วัน ถือว่ายอดขายก้าวกระโดด

ทุกวันนี้ทั้งธุรกิจข้าวมันไก่และเฉาก๊วยขายดีมาก ธุรกิจมีความมั่นคง โดยเฉพาะเฉาก๊วยเต็งหนึ่งทินพันธุ์หมายมั่นจะทำให้เติบโตยิ่งขึ้นไปอีกหลายเท่า ตอนนี้ก็มีเครือข่ายกระจายสินค้าเฉาก๊วยเต็งหนึ่งอยู่ทั่วทุกภาคของประเทศ

หากย้อนชีวิตก่อนประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจ ทินพันธ์ุได้ทำสิ่งเหลือเชื่อด้วยการลาออกจากมหาวิทยาลัย ทั้งที่อีกปีเดียวก็จะจบปริญญาตรี และไม่บอกเรื่องนี้ให้ทางบ้านรู้เก็บเป็นความลับมาตลอด

เขาตัดสินใจลาออกเพื่อมาทำธุรกิจตัวเอง เริ่มเก็บเงินจากการทำงานล้างห้องน้ำรดน้ำต้นไม้จนได้เงินส่วนหนึ่งมาเปิดร้านถ่ายเอกสาร กิจการกำลังไปได้ดีก็มีเหตุให้ต้องเลิก แล้วหันไปเซ้งร้านข้าวมันไก่ปรากฏว่าประสบความสำเร็จขายดี

ต่อมาจึงหันมาทำเฉาก๊วยเต็งหนึ่ง แต่กว่าจะสำเร็จก็เล่นเอาเหนื่อย แต่เพราะไม่ยอมแพ้เขาจึงมีวันนี้