posttoday

ม้าเดินขาเป๋

16 กรกฎาคม 2560

คนพาลไม่เคยกลัวกับการทำความชั่วและไม่สะท้านสะเทือนใจถ้าต้องลงมือทำความชั่ว ตัวอย่างมีให้เห็นมากมาย

โดย...อารยชล ภาพ รอยเตอร์ส

คนพาลไม่เคยกลัวกับการทำความชั่วและไม่สะท้านสะเทือนใจถ้าต้องลงมือทำความชั่ว ตัวอย่างมีให้เห็นมากมาย   

การฆ่ายกครัว 8 ศพ ที่ จ.กระบี่ เป็นตัวอย่างของฝีมือเหล่าพาลชัดๆ จิตใจไร้ความเมตตาปรานี เด็กๆ ที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ก็ไม่ละเว้น เลือดเย็นโหดเหี้ยมสุดๆ นี่คือความร้ายกาจของคนพาล

การพร้อมใจยินดีเข้าร่วมกับคนชั่วหรือคนพาลไม่แคล้วเป็นพาลตาม เมื่อหัวหน้าชั่วหยาบช้าสมุนบริวารก็ไม่น่าจะต่างกัน เพราะถ้าต่างหรือเป็นคนดีในหมู่พาลไม่มีทางอยู่ได้แน่นอน

เมื่ออยู่กับพาลก็เลียนแบบพาล เป็นอย่างพาล ทำเหมือนพาล และกระทำด้วยความเป็นพาล แสดงความป่าเถื่อนออกมา ไม่เกรงกลัวบาปไม่กลัวกฎหมายบ้านเมือง ไม่เคารพวัฒนธรรมประเพณีอันดีงาม   

ด้วยเหตุนี้ พระพุทธเจ้าจึงต้องตรัสมงคลข้อแรกว่า อย่าไปคบคนพาลเด็ดขาด เพราะถ้าคบหา เสวนา สนิทสนมอยู่ร่วมกับคนพาลก็จะเป็นอย่างพาล แล้วแทนที่ความเจริญจะเกิดกับตัวก็เป็นความเสนียดตกต่ำเข้ามาแทน

ลองคิดดู ขนาดม้ามงคล รูปร่างสวย ไม่ว่าเวลาเดิน หรือเวลาวิ่งล้วนสง่างาม แต่พอได้คนเลี้ยงม้าขาเป๋เดินเขยกมาเลี้ยง ม้าเจ้ากรรมดันเดินเลียนแบบตามคนเลี้ยงม้ากลายเป็นม้าเดินขาเขยกไปได้

เรื่องนี้มีในมงคลสูตร กล่าวถึงพระราชาที่ครองเมืองพาราณสีพระองค์หนึ่ง พระนามว่า โสมราช มีม้ามงคลตัวหนึ่งรูปร่างสวยงามสมอัสสลักษณะชื่อปัณฑวะ เป็นม้าคู่พระบารมีของพระองค์ ได้รับการเลี้ยงดูอย่างดีจากคนเลี้ยงม้าของพระองค์

กาลต่อมา คนเลี้ยงม้าได้เสียชีวิตลง จึงรับสั่งให้หาคนเลี้ยงม้าคนใหม่มาดูแลต่อ ปรากฏได้ชายพิการขาคนหนึ่งชื่อ “คิริทัต” เข้ามาทำหน้าที่แทน ซึ่งนายคิริทัตคนนี้มีลักษณะอย่างหนึ่งเวลาเดินจะเดินขาเป๋

หน้าที่ของนายคิริทัต คือ ต้องเลี้ยงดูม้าอย่างดีไม่ให้เกิดความบกพร่อง แล้วเขาก็ทำหน้าที่ได้เรียบร้อยทั้งให้อาหาร อาบน้ำ ดูแลความสะอาดทั้งตัวม้าและคอกไม้ทุกวัน จนไม่มีเหตุอะไรให้ต้องตำหนิได้

แต่สิ่งหนึ่งที่นายคิริทัตไม่รู้ตัว คือ เวลาที่เขาจูงม้าเดิน ม้ามงคลที่เดินตามเห็นลักษณะการเดินของเขาก็เข้าใจว่า นั่นคือการสอนของนายคิริทัตดังนั้นจากม้าที่เดินปกติ แต่เวลาเห็นนายคิริทัตเดินมันก็เดินขาเขยกตามทุกครั้ง

เหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นหลายครั้งจนวันหนึ่งนายคิริทัตรู้ตัวว่าม้าเดินขาเขยก ด้วยความไม่สบายใจกลัวจะถูกกล่าวหาว่าเลี้ยงม้าไม่ดี จึงได้ขอพระราชานุญาตเข้าเฝ้ากราบทูลเรื่องม้าขาเป๋ให้ทรงทราบ

พระราชาจึงรับสั่งแพทย์ให้ไปตรวจดูอาการของม้า ทางทีมแพทย์จึงไปตรวจดูแล้วพบว่าม้าแข็งแรงดี ไม่พบโรคหรือสาเหตุที่ความผิดปกติอะไร จึงกราบทูลให้พระราชาทราบ ตอนแรกทรงไม่สบายพระทัยเหมือนกัน แต่ทรงนึกได้ว่ายังมีอำมาตย์เก่งคู่พระบารมีที่น่าจะช่วยให้พระองค์ได้รู้ความจริงได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับม้า จึงรับสั่งให้อำมาตย์ไปหาสาเหตุ

และจากการที่อำมาตย์ได้ไปเฝ้าสังเกตการณ์ดูอยู่ห่างๆ ก็เห็นว่า การทำหน้าที่ของนายคิริทัตไม่ได้มีความบกพร่องอะไร ก็ได้กลับมากราบทูลให้ทรงทราบ พร้อมกับกราบทูลต่อไปว่า แต่มีอย่างหนึ่งคาใจ คือ ยังไม่เห็นนายคิริทัตจูงหรือเดินนำหน้าม้า จึงขอพระราชานุญาตไปพิสูจน์ความจริง พอไปถึงที่เลี้ยงม้าก็ได้นายคิริทัตเดินนำหน้าม้า

ปรากฏว่าม้าพอเห็นนายคิริทัตเดินแบบนี้ก็คิดว่าต้องทำตาม จึงเดินขาเขยกเหมือนเช่นนายคิริทัต และนั่นก็ทำให้อำมาตย์คนเก่งมั่นใจว่า สาเหตุที่ม้าต้องเดินขาเขยกก็เพราะคนเลี้ยงม้านั่นเอง

เรื่องนี้ชี้ให้เห็นว่า สัตว์กับคนคบกันก็เป็นไปตามกันได้ ฉะนั้นถ้าไม่อยากให้ชีวิตวิบัติอย่าไปคบคนพาลเป็นอันขาด