posttoday

สมเด็จพระเทพรัตนฯ ทรงสร้างศาสนทายาท

16 เมษายน 2560

เมื่อวันที่ 1 เม.ย. 2560 วัดพระแก้ว อ.เมือง จ.เชียงราย ที่ตั้งโรงเรียนพุทธิวงศ์วิทยา

โดย...สมาน สุดโต

เมื่อวันที่ 1 เม.ย. 2560 วัดพระแก้ว อ.เมือง จ.เชียงราย ที่ตั้งโรงเรียนพุทธิวงศ์วิทยา ต้นแบบโรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนกสามัญ ที่อยู่ในโครงการพัฒนาเด็กและเยาวชนในถิ่นทุรกันดาร (กพด.) ของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เต็มไปด้วยนาคเณร 123 คนและผู้ปกครองที่เข้าขบวนแห่เตรียมการบวชเณรในโครงการ สร้างศาสนทายาท เสริมความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา ประจำปี 2560

พระธรรมราชานุวัตร เจ้าอาวาสวัดพระแก้ว และเจ้าคณะภาค 6 กล่าวว่า ผู้บวชสามเณรภาคฤดูร้อนนี้ ถ้าไม่ลาสิกขาก็เรียนต่อที่โรงเรียนได้ ซึ่งจัดให้เรียนฟรี มีทุนให้อีกด้วย

เมื่อวันที่ 14 ก.พ. 2560 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ ไปเยี่ยมโรงเรียนตามโครงการ กพด.ของพระองค์ ในเขต จ.ลำปาง พะเยา เชียงราย แพร่ และน่าน ซึ่งพระองค์สนพระทัยในการเรียนของนักเรียนในโครงการ ซึ่งเป็นสามเณรทั้งหมด แต่ละจังหวัดมีหลายโรงเรียนด้วยกัน เช่น จ.เชียงราย มีถึง 21 โรงเรียน แต่ละโรงเรียนจัดสอนตั้งแต่ชั้นม.1-ม.6

พระธรรมราชานุวัตร กล่าวว่า โรงเรียนพุทธิวงศ์วิทยา สอนวิชาสามัญ 70% และที่เหลือเป็นวิชาศาสนธรรม หรือศาสนปฏิบัติ

เรื่องวิชาศาสนธรรม หรือศาสนปฏิบัตินั้น เป็นพระราชดำริในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่มีพระราชประสงค์ให้สามเณรฝึกการฝีมือ โดยใช้ครูช่างจากสำนักช่างสิบหมู่ กรมศิลปากร มาสอน ฅซึ่งผู้เรียนได้แสดงผลงานออกมาหลายอย่าง ซึ่งสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี โปรดเกล้าฯ ให้นำไปจัดจำหน่ายที่ร้านภูฟ้า เพื่อนำรายได้มาสมทบทุนในโครงการด้วย

ส่วนวิชาสามัญนั้นได้ครูทั่วไปสอน ส่วนมากเป็นผู้จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร) และมี 4-5 รูป จบระดับปริญญาเอกจากประเทศอินเดีย

ผู้ที่เรียนจบวิชาสามัญสามารถเรียนต่อที่วิทยาลัยสงฆ์เชียงราย ซึ่งสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานทุนถึง 100 กว่าทุน พร้อมทั้งอุปกรณ์การศึกษา เรียนด้วยเทคโนโลยีการศึกษาทางไกล ระบบ DLTV และ DLIT จากวังไกลกังวล พระราชทานค่าภัตตาหารเพลให้สามเณรทุกรูป รูปละ 10 บาท/วัน ปีละ 200 วัน

ถ้าหากสามเณรมีอายุ 20 ปี ประสงค์จะอุปสมบท ก็พระราชทานผ้าไตรให้อีก

สมเด็จพระเทพรัตนฯ ทรงสร้างศาสนทายาท พระพุทธรูปสร้างโดยสามเณรศาสนทายาท จากโรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนกสามัญ ที่วัดพระแก้ว เชียงราย

ในการเสด็จฯ ไปเยี่ยมโรงเรียนในโครงการ เมื่อวันที่ 14 ก.พ. 2560 พระองค์สนพระทัยในการเรียนการศึกษาและสุขภาพพลานามัยของสามเณรมาก จะทรงตั้งพระทัยฟังรายงานการศึกษาของสามเณรตลอด เช่นที่โรงเรียนพุทธิวงศ์วิทยาทรงประทับทอดพระเนตรโครงการต่างๆ ของโรงเรียนนานถึง 2 ชั่วโมง จากหมายกำหนดการที่กำหนดไว้ 45 นาที

พระธรรมราชานุวัตร ได้เมตตาเล่าเรื่องนี้แก่ สุภชัย วีระภุชงค์ เลขาธิการสถาบันโพธิคยาวิชชาลัย 980 และคณะที่เดินทางไปร่วมงานโครงการ “บรรพชาและอุปสมบททายาทพุทธศาสนาเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี” เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล แด่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เนื่องในวันคล้ายวันพระราชสมภพ วันที่ 2 เม.ย. 2560 จัดโดยมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย และคณะกรรมการส่งเสริมกิจการของมหาวิทยาลัย ที่มี อภัย จันทนจุลกะ เป็นประธาน

เมื่อมีการประชุมนักเรียนในโรงเรียนพระปริยัติธรรม พระธรรมราชานุวัตร ได้กล่าวย้ำให้นักเรียนที่เป็นสามเณรให้คำมั่นสัญญาว่า อย่าให้สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสียพลังศรัทธา ต้องศึกษาเล่าเรียนในผ้าเหลืองตลอดไป จนกระทั่งจบการศึกษา

พร้อมกันนั้น ท่านได้เล่าเรื่องที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณต่อพระภิกษุรูปหนึ่งที่ จ.น่าน โดยเสด็จฯ ไปพระราชทานปริญญาให้ถึงวัดที่พระภิกษุรูปนั้นอยู่ ทั้งนี้สืบเนื่องมาจากพระภิกษุรูปนั้น (พระธรรมราชานุวัตรจำไม่ได้ทั้งชื่อของพระและวัด) เรียนจบจากมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) แต่มหาวิทยาลัยไม่มีนโยบายพระราชทานปริญญาบัตรให้แก่พระภิกษุ เมื่อความทราบถึงพระองค์ จึงมีพระราชดำริว่า เมื่อเขาเรียนจบต้องให้ จึงทรงนำปริญญาไปพระราชทานถึงที่วัด

พระธรรมราชานุวัตร บอกกับพระภิกษุรูปนั้นว่า ไม่ควรลาสิกขา เพราะได้รับพระมหากรุณาธิคุณ เป็นอาทิกัมมะ หรือต้นแบบ ถึงเพียงนี้ เหตุการณ์นั้นผ่านมา 10 กว่าปีมาแล้ว และนับแต่ครั้งนั้น มศว ต้องพระราชทานปริญญาให้พระภิกษุที่เรียนจบตลอด ส่วนพระภิกษุรูปนั้นที่เป็นอาทิกัมมะ ยังอยู่ในสมณเพศ ช่วยสอนหนังสือพระภิกษุสามเณรจนถึงทุกวันนี้

พระธรรมราชานุวัตร กล่าวว่า พระเมตตาในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ต่อโรงเรียนปริยัติธรรมแผนกสามัญนั้น เป็นการสร้างศาสนทายาทโดยตรง และยังเป็นขวัญและกำลังใจแก่ผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้