posttoday

สู่การสร้าง วัดพุทธศาสนาถวาย ณ นครปูเน่/อินเดีย

18 ธันวาคม 2559

เจริญพรสาธุชนผู้มีปัญญา พุทธศาสนาสอนให้เราเจริญสติ เพื่อนำปัญญาออกมาใช้พิจารณาใคร่ครวญโดยแยบคาย

โดย...พระอาจารย์อารยะวังโส

เจริญพรสาธุชนผู้มีปัญญา พุทธศาสนาสอนให้เราเจริญสติ เพื่อนำปัญญาออกมาใช้พิจารณาใคร่ครวญโดยแยบคาย จนเกิดความรู้อย่างบริบูรณ์ด้วยตนเอง โดยประการต่างๆ เป็นการรู้ถูกเห็นถูกตามความจริงที่เป็นธรรมดาอันมีอยู่ในธรรมชาติ เป็นความรู้ที่เกิดขึ้นจากปัญญาอันเข้าสู่กระบวนการพิจารณาโดยแยบคาย คือ กระบวนการคิดที่ถูกต้องตรงตามธรรม ก่อให้เกิดปัญญาและวิชชา

เรามีศรัทธากันล้นเหลือในสังคมศาสนาบ้านเรา น่ายินดียิ่งกับความศรัทธา แต่ศรัทธาที่ขาดสมดุล คือ ไม่มีสติกำกับ เพื่อนำปัญญาออกมาควบคุม สร้างสมดุลให้เกิดขึ้นระหว่างศรัทธาและปัญญา มันจึงให้ผลที่ไม่ควรในประโยชน์ที่เกิดขึ้นนั้นๆ จึงไม่ต้องกล่าวถึงสิ่งไร้ประโยชน์

เมื่อกลางเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา อาตมาได้รับนิมนต์ไปนครมุมไบและนครปูเน่ ตั้งอยู่ในรัฐมหาราษฎร์ อินเดีย โดยได้มีโอกาสไปเยี่ยมวัดของศาสนาเชนที่สร้างขึ้นกลางนครปูเน่ โดยคหบดีเชนที่เป็นนักธุรกิจระดับแนวหน้าในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์

ได้เห็นศรัทธาของศาสนิกเชนที่เดินทางมาจากทั่วสารทิศ เพื่อเฉลิมฉลองวัดใหม่ของเชน เมื่อกลางเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา ได้พบเห็นความเคร่งครัด ความพึงพอใจในความเคร่งครัดขั้นอุกฤษฏ์ ความเชื่อว่ากรรมเก่าชดใช้ด้วยการเปลื้องหนี้โทษที่เคยก่อมาด้วยการเบียดเบียนตน และไม่ก่อกรรมใหม่ในทางบาป จึงนำไปสู่ลัทธิกรรมลิขิต ที่แตกต่างจากกรรมคติในพุทธศาสนา ที่ว่าด้วยหลักทางสายกลางด้วยการเจริญสติหรือการเจริญวิปัสสนาญาณ

ในคืนที่ ๒ ที่มีโอกาสพักอยู่บ้านคหบดีเชน นครปูเน่ ได้มีโอกาสสนทนาธรรมกับศรัทธาชาวอินเดียหลายเรื่อง โดยฝ่ายคหบดีเชนได้มีปุจฉาให้อาตมาวิสัชนา จนนำไปสู่สาธุการและขอจัดสร้างวัดพุทธถวายบนที่ดินในโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์กลางนครปูเน่ ซึ่งล่าสุดเมื่อ ๒-๓ วันที่ผ่านมา ขอให้ช่วยระบุรายละเอียดว่าจะมีพระเจดีย์ด้วยไหม ต้องการอะไรบ้าง จะได้ให้มีการออกแบบเพื่อขออนุญาตรัฐบาลสร้างวัดบนที่ดินของเขา ซึ่งเรื่องดังกล่าวคงว่ากันต่อไปตามกำลังความศรัทธาของผู้สร้าง

สู่การสร้าง วัดพุทธศาสนาถวาย ณ นครปูเน่/อินเดีย

 

จากคืนแรกที่คณะทั้งชาวพุทธในอินเดียและที่นับถือศาสนาเชน ได้นั่งฟังการสาธยายธรรมในเรื่องมัชฌิมาปฏิปทาในพระศาสนากันอย่างนิ่งสงบ เข้าใจถึงความแตกต่างระหว่างเชนและพุทธแล้ว เมื่อเข้าสู่คืนที่ ๒ การปุจฉา-วิสัชนาจึงเกิดขึ้นต่อเนื่อง โดยคำถามแรกของคหบดีเชน คือ ต้องการทราบว่า กูรูจี (คืออาตมา) จบการศึกษาชั้นไหน เรียนวิชาอะไรมา สู่คำถามที่ ๒ ที่อ้างความเชื่อตามหลักกรรมของศาสนาเชน ที่จะต้องเปลื้องหรือชดใช้ด้วยการยอมรับผลแห่งกรรมนั้น แม้จะเป็นความทุกข์แสนสาหัสมากกว่าการวางอุเบกขา การมาทำบุญกุศลรับพรจากกูรูจี เพื่อปลดเปลื้องความทุกข์นั้น ในคำถามที่ ๓ ที่ถามต่อเนื่องเมื่อสาธุการวิสัชนาข้อที่ ๑, ๒ ไปแล้ว โดยก่อนจะปุจฉา คหบดีเชนได้กล่าวว่า “กระผมมีความสุขมากที่ได้รับคำตอบจากท่าน ทำให้ผมรู้สึกได้ถึงความสงบสันติ ต่อไปนี้กระผมขอถามเรื่องในชีวิตของกระผมที่กำลังเผชิญ เมื่อพี่ชายของผมเสียชีวิตในอุบัติเหตุนานมาแล้ว แต่กระผมยังมีความรู้สึกฝังใจ และบางครั้งยังหลอกหลอนอยู่ทั้งกระผมและภรรยา เรากำลังปลดเปลื้องความรู้สึกดังกล่าวตามหลักศาสนาเชน เพื่อทำให้ความทรงจำและความรู้สึกดังกล่าวหมดไป กระผมจะทำอย่างไรให้สามารถปลดเปลื้องความทรงจำ ความหลอกหลอนนี้ออกไปได้”

อาตมาได้วิสัชนา อันเป็นไปตามหลักธรรม คือ ความเป็นธรรมดา ที่สามารถจับต้องมองเห็นได้ จนนำไปสู่สาธุการอีกครั้ง และต่อเนื่องด้วยอีกหลายคำถามจนจบสิ้นคำถามในคืนนั้น ที่นำไปสู่การทำพิธีปลูกต้นโพธิ์ลงบนแผ่นดินของคหบดีเองในเช้าวันต่อมา และสู่ความศรัทธาที่ถูกปลูกสร้างขึ้นในสองคืนที่ผ่านมา จนเป็นที่มาของการดำริสร้างวัดพุทธศาสนาถวาย ณ นครปูเน่/อินเดีย อันควรแก่การอนุโมทนา!

เจริญพร