posttoday

ให้ไทยเป็นแกนเผยแผ่สมาธิ และสันติสุขแก่ชาวโลก

24 กรกฎาคม 2559

ที่ประชุมเสวนาชาวพุทธเถรวาทและมหายาน ที่นครเชียงใหม่ เห็นพ้องให้ประเทศไทยเป็นแกนนำในการเผยแผ่

โดย...สมาน สุดโต

ที่ประชุมเสวนาชาวพุทธเถรวาทและมหายาน ที่นครเชียงใหม่ เห็นพ้องให้ประเทศไทยเป็นแกนนำในการเผยแผ่สมาธิและสันติภาพสู่ชาวโลก เพราะประเทศไทยเป็นศูนย์กลางพุทธโลก

ทั้งนี้ จากการเปิดเผยของพระพรหมเมธี (จำนงค์ ธมฺมจารี) ประธานสงฆ์ฝ่ายไทย

การประชุมเสวนาเถรวาทและมหายาน ครั้งที่ 3 ที่เชียงใหม่ มีกุลบุตรชาวจีนบวชพระพร้อมกันถึง 200 คน ในขณะที่พระสงฆ์ไทยร่วมในพิธีถวายมหาสังฆทานถึง 5,000 รูป

พิธีการต่างๆ จัดระหว่างวันที่ 17-18-19 ก.ค. 2559 ณ วัดเจดีย์หลวง และโรงแรมแชงกรี-ลา จ.เชียงใหม่ มีสมเด็จพระพุฒาจารย์ (สนิท ชวนปญฺโญ) กรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) เจ้าอาวาสวัดไตรมิตร เป็นประธานเปิดการประชุม พระพรหมเมธี กรรมการ มส. เจ้าคณะภาค 4-5-6-7 (ธ) และผู้ปฏิบัติหน้าที่เจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศ์ เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ (เถรวาท) พระธรรมาจารย์ ซือต้าหยวน เจ้าอาวาสวัดหลินจู สาธารณรัฐประชาชนจีน เป็นประธานฝ่ายจีน (มหายาน) และ ปวิณ ชำนิประศาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานฝ่ายฆราวาส โดยมีพุทธบริษัทชาวจีนและชาวไทยร่วมงานนับพันคน เข้าร่วมประชุม

พระสงฆ์ชั้นนำนานาชาติที่เข้าร่วมประชุม คือ ประมุขสงฆ์และสังฆนายกจากสหภาพเมียนมา สปป.ลาว ศรีลังกา มองโกเลีย กัมพูชา และจีน บางท่านแสดงทัศนะต่อการประชุมสงฆ์ 2 นิกายด้วย เช่น สมเด็จเทพวงศ์ สมเด็จพระสังฆราชแห่งกัมพูชา เป็นต้น ส่วนผู้แทนที่เป็นฆราวาส เช่น อดีตผู้นำประเทศเม็กซิโก เสนอให้โลกยอมรับว่าพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาแห่งสากลโลก ในขณะที่อดีตรองนายกรัฐมนตรีจีน เสนอให้แปลหลักธรรมคำสอนของพระพุทธศาสนาเป็นภาษาสากล เพื่อให้คำสอนกระจายไปทั่วโลก

ให้ไทยเป็นแกนเผยแผ่สมาธิ และสันติสุขแก่ชาวโลก

 

ในฐานะประธานที่ประชุมฝ่ายไทย พระพรหมเมธี ได้กล่าวสัมโมทนียกถาและธรรมปฏิสันถาร ว่า การที่ทุกท่านมาประชุมพร้อมกัน ถือเป็นนิมิตหมายอันดีที่พุทธศาสนิกชนชาวจีน และทุกชาติ ภาษา จะได้แลกเปลี่ยนทัศนะแนวคิดในการเผยแผ่หลักธรรมคำสอนในพระพุทธศาสนาให้เป็นสากล ประกาศให้ชาวโลกได้รับรู้หลักธรรมคำสอนไปประพฤติปฏิบัติในชีวิตประจำวัน เพื่อความสุขและความเจริญรุ่งเรือง สงบ ร่มเย็น พร้อมกับถวายแนวคิดในการเสวนาธรรมต่อที่ประชุมพอสังเขป

ให้สร้างธรรมาวุธ

พระพุทธศาสนามีหลักธรรมสำคัญอยู่ 3 ประการ ที่ควรศึกษาและปฏิบัติ คือ เมตตาธรรม อภัยทาน สันติสุข ทั้ง 3 ประการนี้ เป็นธรรมาวุธที่โลกควรผลิตขึ้นมาแทนศัสตราวุธ โลกจะได้สงบสุข โดยเฉพาะทานคือการให้นั้น พระพุทธศาสนายกย่อง การให้ที่ไม่หวังผลตอบแทน เป็นการให้ที่บริสุทธิ์ เปรียบเสมือนความรักของพ่อแม่ที่ให้แก่ลูกๆ โดยไม่หวังผลตอบแทน ไม่เป็นเจ้าหนี้ลูกหนี้ต่อกัน เป็นการให้ที่ประกอบด้วยเมตตาธรรมเป็นที่ตั้ง

โลกกับศาสนาเกื้อกูลกัน สังคมโลกจึงสันติสุข เหมือนพี่น้องรักใคร่นับถือเพราะเกื้อกูลกัน หากศาสนาไม่เกื้อกูลโลก ศาสนาก็หมดความหมาย และถ้าโลกทิ้งศาสนาสังคมก็จะร้อนระอุเป็นเปลวเพลิง โลกจึงทิ้งศาสนาไม่ได้ เมื่อโลกร้อนระอุจะด้วยเหตุใดก็ตาม ต้องอาศัยความเย็นในศาสนามาผ่อนคลาย คอยชโลมจิตใจให้เย็นเป็นสุขสงบ

อย่างไรก็ตาม โลกคือบ่อเกิดของศาสนา และศิลปวัฒนธรรมอื่นๆ แต่ศาสนาย่อมแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับภูมิอากาศ การทำมาหากิน และความจำเป็นอื่นๆ เช่น มนุษย์เมืองหนาวจะมีความเป็นอยู่และวิธีคิดแตกต่างจากมนุษย์ในเมืองร้อน หรือบางศาสนาอาจมีความจำเป็นทางการเมือง การปกป้องตนเอง และการรวมคนเพื่อต่อสู้ข้าศึกศัตรู และบางศาสนาเกิดจากนักคิด นักปรัชญา ที่หวังแสวงหาความพ้นทุกข์ อันเกิดจากวังวนแห่งการเวียนว่ายตายเกิด

ศาสนาพลังบวก

แม้ศาสนาจะมีที่มาต่างกัน แต่ศาสนาใดมีเมตตา อภัย สันติ ศาสนานั้นจะสร้างสันติสุขได้ เพราะนั่นคือพลังบวก และพลังบวกเท่านั้นที่สร้างโลก ส่วนการทำลาย การรบราฆ่าฟันกัน คือ พลังลบ มิใช่อำนาจ การได้เกิดมาเป็นมนุษย์ คือ การมาลงทุน ชีวิตคือต้นทุน ผู้ใดติดลบ ทำลบ พูดลบ ชีวิตก็ขาดทุน ส่วนกลุ่มชนใดคิดบวกทำบวก พูดบวก ชีวิตก็มีกำไร

เหมือนเราตั้งเลข 100 ไว้ ตามด้วย 50 ถ้าใส่เครื่องหมายลบตรงกลางระหว่างเลขทั้งสองค่าของ 100 จะลดเหลือ 50 ถ้าลบบ่อยๆ ก็จะเหลือศูนย์หรือติดลบ ในทางตรงกันข้าม  ถ้าใส่เครื่องหมายบวกก็จะเพิ่มเป็น 150 หรือถ้าบวกบ่อยๆ ก็จะได้มากขึ้นตามลำดับ การดำเนินชีวิตที่เป็นบวกหรือลบก็มีลักษณะเดียวกัน ถ้าสังคมประเทศใดคิดบวก ทำบวก พูดบวก ประเทศนั้นๆ ก็เจริญรุ่งเรืองร่ำรวย ถ้าคิดในทางลบประเทศชาตินั้นก็อาจขาดทุน ยากจน

พระพหมเมธี เสนอให้ชาวพุทธใช้พลังบวกสร้างชีวิต ใช้พลังบวกสร้างชาติ ใช้พลังบวกกอบกู้แผ่นดิน ใช้พลังบวกกอบกู้โลก เพราะพลังบวกเป็นพลังแห่งความร่มเย็นเป็นสุข คำสอนที่เป็นพลังบวกในพระพุทธศาสนา คือ เมตตา อภัย สันติ เป็นคำสอนที่สามารถปกป้องมิให้เกิดความรุนแรง การเบียดเบียน การก่อการร้ายได้ทุกชนิด

ที่มนุษย์โลกปัจจุบันอยู่กันอย่างหวาดระแวง แม้ว่าจะได้รับการยกย่องว่าฉลาด สามารถ ทันสมัย ก้าวหน้าด้วยเทคโนโลยี แต่กลับร้อนระอุเป็นเปลวเพลิงยิ่งกว่าไฟนรก  มิใช่เพราะอื่นใดเลย หากเป็นเพราะมนุษย์มิได้ใช้พลังบวกแห่งเมตตาธรรม อภัยทาน และสันติสุขต่อกันนั่นเอง