posttoday

รัฐบาลต้องตาสว่าง

10 กรกฎาคม 2559

เมื่อวันที่ 7 ก.ค. 2559 วงการพระสงฆ์และพุทธศาสนิกชน ตั้งใจคอยฟังว่า คณะกรรมการกฤษฎีกาจะตีความมาตรา 7

โดย...ส.คลองเตย

เมื่อวันที่ 7 ก.ค. 2559 วงการพระสงฆ์และพุทธศาสนิกชน ตั้งใจคอยฟังว่า คณะกรรมการกฤษฎีกาจะตีความมาตรา 7 แห่ง พ.ร.บ.สงฆ์ เรื่องการสถาปนาสมเด็จพระสังฆราช ออกมาอย่างไร เมื่อถึงเวลากฤษฎีกาว่าตีความเสร็จแล้ว แต่บอกไม่ได้ ผู้ที่ส่งเรื่องมาจะเป็นผู้บอก เมื่อตามไปที่ผู้ส่งเรื่องก็บอกว่า ต้องดูให้ละเอียดแล้วส่งเรื่องให้นายกรัฐมนตรีรับทราบ จึงจะบอกได้ เด็กๆ ฟังก็ฟันธงว่าเหมือนการดึงเรื่อง ซึ่งไม่จริงใช่ไหม

ความจริงมาตรา 7 ไม่มีอะไรซับซ้อน นอกจากเป็นเรื่องใหม่ ที่เพิ่งจะใช้กับสมเด็จพระสังฆราชองค์ใหม่ ดังนั้นมติมหาเถรสมาคม (มส.) ที่ออกมาเมื่อวันที่ 5 ม.ค. 2559 นั้น ได้ผ่านการกลั่นกรองจากมหาเถระและนักกฎหมายระดับปรมาจารย์ จึงไม่น่าจะพลาด แต่องค์กรหนึ่งอยากทำงาน เอาไปตีความว่าที่ มส.มีมตินั้นผิด เรื่องนี้ถ้าคนเกี่ยวข้องแตกฉานภาษาไทย จะเข้าใจเจตนารมณ์ของมาตรา 7 ดี เพราะมาตรานี้ ไม่ว่าคุณจะคิด เขียนวกวนมาอย่างไรก็ต้องมี มส.เป็นเซ็นเตอร์ ตลอด ไม่เชื่อลองอ่านอีกครั้ง

มาตรา 7 พระมหากษัตริย์ทรงสถาปนาสมเด็จพระสังฆราชองค์หนึ่ง

ในกรณีที่ตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราชว่างลง ให้นายกรัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของมหาเถระสมาคมเสนอนามสมเด็จพระราชาคณะผู้มีอาวุโสสูงสุดโดยสมณศักดิ์ขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อทรงสถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราช

เห็นไหม ไม่ว่าจะยอกย้อนอย่างไรก็ไม่พ้น มส. เช่น มส.เริ่มก่อน ก็ไปที่นายกฯ หรือนายกฯ เริ่ม ก็ต้องมาที่ มส.แล้วไปที่นายกฯ อีก ตัวละครมี 2 เท่านั้น

น่าเห็นใจ พระมหาเถระที่อาวุโสโดยสมณศักดิ์ อย่างสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ที่ถูกดึงเรื่องไม่ให้ก้าวไปที่ขั้นสูงสุด แต่ท่านไม่ท้อถอย ยังทำงานหนักเพื่อนำคณะสงฆ์และพระพุทธศาสนาโดยไม่มีวันหยุด

งานบางอย่างไม่อยากเชื่อว่าพระผู้ใหญ่วัย 91 ปี จะทำได้ เช่น ความวิริยะในการขับเคลื่อนให้คนในชาติรู้รักสามัคคี มีความสมานฉันท์ ไม่เบียดเบียนกัน ยึดมั่นคุณงามความดี มีศีลธรรมอันดีภายใต้โครงการหมู่บ้านรักษาศีล 5 ก็ทำอย่างต่อเนื่อง ท่านทำได้ แค่นี้ก็ควรที่จะเคารพกราบไหว้ในฐานะเป็นบุคคลที่ควรบูชา

 ถ้าศึกษาย้อนกลับไปวันวารที่ท่านเป็นพระผู้น้อย จะพบสิ่งสาธารณกุศลที่ท่านสร้าง ท่านทำเพื่อความมั่นคงแห่งพระพุทธศาสนา รวมเป็นตัวเงินเกินหมื่นล้านบาท ซึ่งประชาชนบริจาคด้วยความเคารพศรัทธาในองค์หลวงพ่อสด และความเคารพรักที่มีต่อหลวงพ่อสมเด็จที่เป็นพระนักพัฒนา-นักสังคมสงเคราะห์ เป็นที่พึ่งของชาวพุทธทั้งมวลมาเนิ่นนานกว่า 70 ปี

ถ้าอยากทราบว่าท่านทำอันใดเพื่อพระพุทธศาสนาและประเทศชาติ ให้แวะไปที่พุทธมณฑล จะพบถาวรวัตถุ ศาสนวัตถุ รวมทั้งพระไตรปิฎกที่จารึกไว้ในหินอ่อนที่สมเด็จท่านเป็นผู้นำและทำไว้

ที่ทำงานใหญ่สำเร็จ เพราะสมเด็จไม่ได้ทำเพื่อตัว แต่ทำเพื่อสังคม ประชาชนเห็น แต่รัฐบาลมือใหม่แม้จะผ่านมา 2 ปี ก็ยังมืด ถึงเวลาตาสว่างได้แล้ว