posttoday

ถึงเวลาผู้นำต้องมีคุณธรรม

26 มิถุนายน 2559

สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ เจ้าอาวาสวัดปากน้ำภาษีเจริญ ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ผู้ดำรงตำแหน่งสมเด็จที่มีอาวุโสสูงสุดในบรรดาสงฆ์ไทย

โดย...ส.คลองเตย

สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ เจ้าอาวาสวัดปากน้ำภาษีเจริญ ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ผู้ดำรงตำแหน่งสมเด็จที่มีอาวุโสสูงสุดในบรรดาสงฆ์ไทย ในปัจจุบันนั้นเป็นที่ทราบกันดี พอๆ กับเรื่องที่ท่านถูกมรสุมรุมสกัดไม่ให้เป็นสมเด็จพระสังฆราช ก็เป็นที่ทราบกันดี ว่าขบวนการสกัดมีแผนงานที่ชัดเจน พร้อมจะยกเรื่องใดมาดำเนินการในห้วงเวลาใดก็ได้ เพื่อบั่นทอนความเคารพในสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ผู้ที่สูงวัยถึง 92 ปี ให้ลดน้อยลง เหมือนขบวนการโค่นล้มรัฐบาลในอดีต

เรื่องของเรื่องมีผู้ขับเคลื่อนยื่นใส่ให้สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ในวัยที่ใกล้ 100 ปี ครองสมณเพศตลอดชีวิต ตั้งแต่เป็นสามเณร จนเป็นพระมหาเถระตั้งอยู่ในศีลในธรรม และเมตตา ไม่เคยนำทัพมวลชนไปปิดเมืองขับไล่รัฐบาล ไม่เคยไปทำงานในกองทัพหรือองค์กรใดๆ หรือไม่มีข่าวคาวที่น่ารังเกียจเหมือนพระผู้ใหญ่บางรูปที่มีข่าวคาวกับเด็กหนุ่มหน้าตาดี แต่มีคนพยายามให้มีตำแหน่งใหญ่โต

เมื่อสมเด็จเป็นพระสุปฏิปันโน ก็ยังมีคนบางกลุ่มพยายามให้ท่านมีมลทินเช่นเรื่องรถโบราณ เมื่อเจอมารผจญขนาดนี้ก็ไม่ทำให้เจ้าประคุณสมเด็จมีอารมณ์ที่ว้าวุ่น ขาดสมาธิ จนทำให้กิจการงานของคณะสงฆ์เสียหาย  อันแสดงให้เห็นถึงคุณธรรม การครองตน ครองสติที่จะไม่ให้เรื่องเท็จมาทำลายตัว และงานของท่าน

กลับกันเรากลับได้ทราบข่าว การปฏิบัติภารกิจเพื่อส่วนรวมของท่านอยู่เนืองๆ ด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างเมตตาต่อทุกผู้คน ขัดกับพระบางรูปที่ยิ้มเหมือนแสยะคอยใส่ฟืนเติมไฟ ต่อต้านสมเด็จพระมหา
รัชมังคลาจารย์ ไม่ให้ขึ้นเป็นสมเด็จพระสังฆราช ตามมติของมหาเถรสมาคม

คำถามคือสมเด็จท่านครองตัวอย่างนี้ได้อย่างไร คำตอบคือจิตที่ฝึกมาดีมีความอดทนอดกลั้น มีความเมตตา มีความวิริยะ ความรับผิดชอบ  จึงเห็นสมเด็จท่านปราศจากอารมณ์ขุ่นมัว และยังคงปฏิบัติศาสนกิจ ช่วยสงเคราะห์ ด้วยความเข้มแข็งชื่นบาน  ในทุกที่ทุกสถาน ที่ท่านได้รับนิมนต์ทุกวันไม่เคยว่างเว้น

ยิ่งถ้านึกถึงผู้เป็นเณร เป็นพระ มาตั้งแต่เด็กจนอายุใกล้ร้อยปี ไม่เคยต้องคบค้าสมาคมกับผู้คนทางโลก ประเภทหน้าไหว้ หลังหลอก กลับกลอก ลับลวงพราง อ้างโน่นนี่นั่นเพื่ออำนาจ ลาภยศ อย่างที่มีอยู่เกลื่อนกลาดในยุคปัจจุบัน ยิ่งน่าอัศจรรย์ใจในตบะบารมี ในเจ้าประคุณสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ต่างกับสิ่งที่สังคมได้เห็นผู้บริหารบางประเทศ ที่แสดงออกต่อสื่อมวลชนทั้งคำพูดและกิริยาท่าทาง บ่อยครั้งทำให้คนสงสัยว่ามีคำพูดมากมาย ที่ควรพูดก็ไม่พูด กริยาท่าทางที่น่าเป็นแบบอย่างก็ไม่แสดง หากแต่ตำหนิติเตียนผู้บริหารก่อนหน้าการยึดอำนาจ ประจำจนรู้สึกขบขำ

จากพฤติกรรมบางส่วนที่ประจักษ์ จึงไม่แปลกใจที่จะมีพระสงฆ์จำนวนมากไม่เชื่อว่าการดึงเรื่องแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราช เป็นเรื่องปกติ กระทำโดยสุจริตใจ เพราะพระสงฆ์ทั่วไปแคลงใจองค์กรต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเช่นผู้ตรวจการแผ่นดิน กฤษฎีกา ที่กลายเป็นกลไกในเรื่องนี้

ส่วนเสนาบดีต่างๆ ที่มีบทบาท ยิ่งไปกันใหญ่ เพราะขนาดแต่งตั้งตำรวจยังตั้งผู้ตายแล้วให้ได้ตำแหน่ง บางโรงพักตั้งตำรวจ 2-3 นายให้ไปรับตำแหน่งเดียวกันก็ได้ ทำผิดพลาดขนาดนี้ยังมีความสุข โดยไม่ต้องแยแสสายตาของชาวบ้าน ที่มองด้วยความสมเพช ว่ากันว่าที่ทำผิดจนหน้าพัง เพราะพลเอกสองคนช่วยกันทำช่วยกันส่งรายชื่อ ถึงเวลาแล้วที่ผู้นำต้องมีคุณธรรม โดยประชาสังคมต้องร่วมตรวจสอบ  มิเช่นนั้นเราก็จะมีผู้นำที่ทำให้คนร้องไห้ และหัวเราะเวลาเปิดโทรทัศน์ดูข่าวไปอีกนานเท่านาน