‘งานภูเขาทอง งานวัดเก่าแก่ของกรุงเทพมหานคร’
วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร จัดงานวัดไหว้พระบรมสารีริกธาตุ ปิดทองพระ ห่มผ้าแดงองค์พระเจดีย์บรมบรรพต
วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร จัดงานวัดไหว้พระบรมสารีริกธาตุ ปิดทองพระ ห่มผ้าแดงองค์พระเจดีย์บรมบรรพต งานประเพณีประจำปีตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 อย่างโอฬาร ระหว่างวันที่ 18- 27 พ.ย. 2558
งานวัดสำหรับคนทั่วไป หรืองานชาวบ้านในกรุงเทพมหานครในสมัยรัชกาลที่ 5 ทุกคนต้องคิดถึงงานวัดภูเขาทอง วัดสระเกศ ที่จัดช่วงกลางเดือน 12 หรือวันลอยกระทง
แต่ถ้าพูดถึงงานวัดสำหรับชนชั้นสูง หรือไฮโซ ในสมัยรัชกาลที่ 5 เช่นกัน ทุกคนก็ต้องคิดถึงวัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม ซึ่งก็จัดช่วงต้นฤดูหนาว หรือเดือน พ.ย.ด้วยเช่นกัน
งานภูเขาทอง ก็เหมือนงานวัดทั่วไป นอกจากไหว้พระ เวียนประทักษิณ (เวียนขวา) สักการะพระบรมสารีริกธาตุ สวดมนต์บทง่ายๆ เจริญจิตตภาวนา เสร็จแล้วก็ชมหรือซื้อสินค้าพื้นเมืองจากทุกภาคของเมืองไทย หรือชมการละเล่นแบบย้อนยุค อาทิ ร้านค้าขนมโบราณ อาหารหายาก การละเล่นชิงช้าสวรรค์ยิงปืน ปาโป่ง โยนห่วง สาวน้อยตกน้ำ ละครลิง บ้านผีสิง เป็นต้น
‘งานย้อนยุคห่มผ้าแดง’
งานวัดปีนี้เริ่มในเช้าตรู่วันพุธที่ 18 พ.ย. 2558 ประมาณเวลา 06.00 น. โดยพระพรหมสิทธิ เจ้าอาวาสวัดสระเกศ พร้อมคณะสงฆ์ นำพุทธศาสนิกชนเป็นจำนวนมากประกอบพิธีอัญเชิญผ้าแดงด้วยริ้วขบวนต่างๆ เพื่อนำมาห่มถวายองค์พระเจดีย์บรมบรรพต (ภูเขาทอง) เป็นพุทธบูชา
ริ้วขบวนบริเวณเริ่มที่ด้านหน้าศาลาการเปรียญ ประกอบด้วย ขบวนรถโบราณหลายสิบคัน, ขบวนรถดนตรีไทย, ขบวนรถสามล้อย้อนยุค, ขบวนรถบุปผชาติ, ขบวนธงชาติ ธงศาสนา, ธงพระมหากษัตริย์, ขบวนพุทธศาสนิกชน อัญเชิญผ้าแดงยาวหลายกิโลเมตร ถือสายมงคลตามริ้วขบวน, ขบวนกลองยาว ประเพณีอีสาน พร้อมขบวนนางรำ โดยยึดตามพิธีอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ สมัยรัชกาลที่ 5 เพื่อให้เกิดความร่มเย็นเป็นสุข มีความเจริญรุ่งเรือง ก้าวหน้าในชีวิต ปราศจากอันตรายนานาประการ
ขบวนอัญเชิญผ้าแดง ออกจากวัดสระเกศ เลี้ยวขวาเข้าถนนจักรพรรดิพงษ์ ถึงสี่แยกแม้นศรีเลี้ยวขวาเข้าถนนบำรุงเมือง ถึงสี่แยกเมรุปูนเลี้ยวขวาเข้าถนนบริพัตร ผ่านสถานีดับเพลิงภูเขาทอง ข้ามสะพานมหาดไทยอุทิศ (สะพานร้องไห้) ผ่านหน้าพิพิธภัณฑ์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เลี้ยวขวาเข้าถนนหลานหลวง ถึงสี่แยกหลานหลวง เลี้ยวขวาเข้าถนนจักรพรรดิพงษ์ ข้ามสะพานนริศดำรัส แล้วเลี้ยวขวาเข้าวัดสระเกศ ถนนเส้นกลาง มาหยุดหน้าศาลาการเปรียญ ทางเข้าบรมบรรพต ภูเขาทอง
เมื่อทำพิธีบูชาที่เชิงบรมบรรพตแล้ว ได้เคลื่อนขบวนอัญเชิญผ้าแดงขึ้นไปห่มถวายองค์พระเจดีย์ที่บรมบรรพตเป็นลำดับต่อไปจนแล้วเสร็จ
ประชาสัมพันธ์วัดสระเกศ เขียนบรรยายว่า หากยืนบนสุดองค์พระเจดีย์ ไหว้พระ บูชาพระบรมสารีริกธาตุ (ของแท้ มีหลักฐาน ที่อัญเชิญจากประเทศอินเดียสมัยรัชกาลที่ 5) ในยามค่ำคืนจะเห็นทิวทัศน์รอบกรุงเทพมหานครช่างงดงาม แสงไฟส่องสว่างเจิดจรัสทั่วพระนคร เหมือนนครหลวงแห่งนี้ไม่เคยหลับใหล เมื่อมองขึ้นเหนือยอดเจดีย์ “แสงฉัพพรรณรังสีเรืองรองบนยอดองค์พระเจดีย์นั้น เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า” ยิ่งทำให้เกิดปีติ มองไปรอบข้าง ผู้คนต่างมีดอกไม้ธูปเทียนในมือ มีจิตใจมั่นคงแน่วแน่ เดินทำประทักษิณเวียนขวารอบองค์พระเจดีย์บูชาพระบรมสารีริกธาตุ บรรยากาศอบอวลด้วยกลิ่นบุญและแรงศรัทธา
พระพรหมสิทธิ (ธงชัย สุขญาโณ) เจ้าอาวาสวัดสระเกศ กล่าวถึงความเป็นบรมบรรพตว่า “พระเจดีย์บรมบรรพต ภูเขาทอง ได้จำลองแบบมาจากพระเจดีย์วัดภูเขาทอง ใน จ.พระนครศรีอยุธยา มีความสูงประมาณ 100 เมตร ความกว้างโดยรอบเส้นศูนย์กลางประมาณ 500 เมตร สร้างโดยพระมหากษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรีถึง 3 พระองค์ด้วยกัน คือ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 และพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ใช้เวลาในการก่อสร้างเป็นเวลากว่า 5 ทศวรรษ
ครั้นสร้างแล้วเสร็จ รัชกาลที่ 5 ทรงรับพระบรมสารีริกธาตุจากรัฐบาลอินเดียที่ขุดได้จากกรุงกบิลพัสดุ์ พระองค์โปรดเกล้าฯ ให้บรรจุประดิษฐานไว้บนองค์บรมบรรพต ภูเขาทอง และโปรดเกล้าฯ ให้มีการเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่
งานเทศกาลนมัสการพระบรมสารีริกธาตุ จะเริ่มด้วยการห่มผ้าแดงองค์พระเจดีย์ก่อนวันงาน 3 วัน เพื่อเป็นเครื่องหมายให้รู้ว่า งานนมัสการพระบรมสารีริกธาตุเริ่มขึ้นแล้ว เป็นพิธีที่ทำให้เกิดสิริมงคล อานุภาพแห่งการบูชาพระเจดีย์ที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ จะทำให้เกิดความร่มเย็นเป็นสุข มีความเจริญรุ่งเรืองก้าวหน้าในชีวิต แคล้วคลาดปลอดภัย เป็นความเชื่อที่สืบเนื่องมาตั้งแต่ครั้งพุทธกาล”
สำหรับงานย้อนยุคห่มผ้าแดง องค์พระเจดีย์บรมบรรพต (ภูเขาทอง) นั้น พุทธศาสนิกชนสามารถเดินทางมานมัสการและบูชาพระบรมสารีริกธาตุ ตั้งแต่วันที่ 18-27 พ.ย. 2558 นี้ เวลา 06.00-24.00 น.
จึงขอเชิญท่านที่ยังไม่เคยเที่ยวงานวัด ควรหาโอกาสมาสักครั้ง เพราะบรรยากาศแบบนี้ จะอยู่ในความทรงจำไม่รู้ลืม